วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รักอย่างไรให้สมหวัง (4)


ต่อไปนี้คือ สิ่งที่ไม่ควรทำกับคนรักของคุณ โดยแยกออกเป็น 3 ส่วนคือ
1.  ความคิด
     1.1 ผู้ชายส่วนใหญ่คิดว่าตนเองสำคัญกว่า เก่งกว่าผู้หญิง เพราะทำงานเหนื่อยกว่า รับผิดชอบครอบครัวมากกว่า สุดท้าย…… เพราะเป็นเพศที่เหนือกว่า ซึ่งเป็นทัศนคติผิดๆและเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาความรักไปสู่ระดับที่สูงขึ้น (ดูเรื่องสมองของผู้หญิงกับผู้ชายต่างกันอย่างไร)

     1.2 ขี้ระแวงสงสัย ไม่ไว้ใจ มักเป็นฝ่ายหญิง……..อันเนื่องมาจากพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจของฝ่ายชาย เรื่องนี้ดูเหมือนว่ามีความเป็นสากลอยู่มาก เพราะเคยจดประโยคถูกใจภาษาอังกฤษไว้ในสมุดบันทึกส่วนตัวสมัยหนุ่มๆ 

“Women are like the police. They can have all the evidence in the world, but they still want the confession”

พวกผู้หญิงก็เหมือนตำรวจ ต่อให้มีพยานหลักฐานครบถ้วนทุกอย่างแล้ว ก็ยังต้องการคำรับสารภาพอยู่ดี

      1.3  ผู้ชายคิดว่า ผู้หญิงมีหน้าที่เลี้ยงลูก ทำงานบ้าน ทำอาหาร ผู้ชายหาเงิน
                 ผู้หญิงคิดว่า ผู้ชายมีหน้าที่แก้ไขพฤติกรรมของลูก

      1.4  ผู้ชายคิดว่าตนเองมีสิทธิที่จะทำสิ่งที่ผู้หญิงทำไม่ได้ เช่น การมี sex นอกสมรส  

2. อารมณ์ ต่อไปนี้เป็นอารมณ์ที่มักนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างคนรัก และทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้เสมอ

       2.1  หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย หาเวลาอารมณ์ดีได้ยาก
       2.2  เวลาโกรธมักไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ใช้วิธีทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนรัก หรือขว้างปาสิ่งของ
       2.3  หึงหวง เจ้าอารมณ์ ไม่ยอมฟังคำอธิบายใดๆ      
       2.4  เป็นคนไร้อารมณ์ โดยเฉพาะอารมณ์ขัน
       2.5 อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย 
       2.6 อารมณ์ทางเพศต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย ไม่ตอบสนองอารมณ์ทางเพศให้แก่คนรักอย่างเหมาะสม

3.  พฤติกรรม
    3.1  จู้จี้ ขี้บ่น พูดมาก พูดไม่หยุด พูดซ้ำๆซากๆ ไร้สาระ เสียดสี เหน็บแนม ดูถูกเหยียดหยาม ตำหนิติเตียน โกหกหลอกลวง และคำพูดในเชิงลบอื่นๆทั้งหมด
    3.2  เอาแต่ใจ ขี้งอน เกรี้ยวกราด
     3.3 ให้คนรักซื้อสิ่งของราคาแพงหรือฟุ่มเฟือยให้ ชอบทำตัวเป็นคนมีรสนิยมสูงทั้งๆที่มีรายได้น้อย
     3.4  เช็คมือถือ, e-mail, face book, ค้นลิ้นชักหาหลักฐาน ฯลฯ
    3.5  เปรียบเทียบกับแฟนเก่า
     3.6 สวมบทบาทพนักงานสอบสวนเวลาจะนอน
แต่ละข้อดูเหมือนจะเป็นคุณสมบัติของผู้หญิงมากกว่าผู้ชายนะครับ (ขอเข้าข้างเพศเดียวกันบ้าง)

            งานวิจัยหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ปัจจัยที่ทำให้รักยืนยาว (Alexander & Higgins, 1993) พบว่า มีอยู่ 4 ประการ คือ
      1.  ภรรยายังคงมีความรู้สึกรักในแบบเสน่หาต่อสามี (Passionate love)
      2.  ภรรยาและสามี มีกิจกรรมต่างๆร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ เช่น งานอดิเรก การออกกำลังกาย การเล่นกีฬา การพักผ่อน 
                 การเดินทางร่วมกันในโอกาสต่างๆ (ธุรกิจ พักผ่อน) งานการกุศล
      3.  เป็นคนมีอารมณ์ขันด้วยกันทั้งคู่
      4.  มีความสุขและพึงพอใจในความสำเร็จของลูกๆ

         ส่วนปัจจัยที่ทำให้ชีวิตรักไม่มีความสุข หรือล่มสลาย พบว่า มีอยู่  5 ประการ คือ
      1.  ความไม่ซื่อสัตย์ (การนอกใจ) รวมทั้ง ความหึงหวงที่เกิดจากความระแวง
      2.  ไม่มีการประนีประนอม (ทำนอง รักสั้นให้ต่อ นั่นไง)
      3.  ขาดทักษะการเจรจาสื่อสารฉันภรรยาสามี
      4.  ค้นพบความแตกต่างกันในเรื่องต่างๆตามอายุที่มากขึ้น
      5.  ความไม่สมหวัง/พึงพอใจในเรื่องเพศสัมพันธ์               

         นอกจากนั้น ยังพบอีกว่า คู่รักที่มีความสุขโดยทั่วไป พวกเขามักมีหลายสิ่งที่เหมือนกัน เช่น
      1.  ไม่ชอบการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีก็พยายามหลีกเลี่ยง (ทำนอง รักยาวให้บั่น นั่นเอง)
      2.  เป็นคนใจบุญ ชอบช่วยเหลือไม่ว่ากับคนหรือสัตว์
      3.  ห่วงใยและดูแลคนรักอย่างเต็มที่ยามเจ็บป่วย
      4.  สามารถอยู่คนเดียวได้เมื่อจำเป็น
      5.  มีเพื่อนดีและมีกิจกรรมทางสังคมกับเพื่อนๆ
      6.  สนใจเรื่องเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน (ทำให้มีเรื่องคุยกันได้ตลอด และไม่ขัดคอกันด้วย)              
         
                        ดูไปแล้วสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด ล้วนเป็นเรื่องสามัญสำนึก (Common sense) แต่มักถูกมองข้ามไป จะด้วยสาเหตุใดก็คงต้องฝากให้พิจารณากัน ผมเองคิดว่า เกิดจากเราทุกคนมีความอยาก ความต้องการที่ไม่รู้จักพอ จึงมีความร้อนรุ่มที่จะมีเพิ่ม หาเพิ่มอยู่เรื่อยๆ การแบ่งปันกลายเป็นความทุกข์และความอึดอัด เห็นใครมีมากกว่าก็อิจฉา คอยนินทาว่าร้ายคนอื่น นานไปจึงกลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย ไม่เป็นมิตร จิตใจไม่เคยสงบเพราะโลภอยู่ตลอด คนที่ไปถึงจุดแห่งความ พอได้ก่อนจึงจะมีความสุขก่อน เสมือนหนึ่งเดินเข้าเส้นชัยแห่งถนนชีวิตก่อนในขณะที่ยังมีชีวิต ไม่ต้องรอวันตาย เพราะถึงวันนั้น ทุกอย่างก็สายเสียแล้ว ถึงลูกหลานจะทำพิธีกรรมส่งสิ่งของไปให้ใช้ในภพอื่น ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะไปถึงหรือไม่

สรุป
                การเลือกคู่ครอง เป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตของเรา เสน่ห์ทางเพศ เป็นเพียงประตูบานแรกที่เปิดออกต้อนรับรัก แต่ไม่ว่าคุณจะมีเสน่ห์ทางเพศครบทุกองค์ประกอบก็ตาม หากไม่มีเสน่ห์หรือใช้สิ่งดีที่มีอยู่อย่างไม่ถูกต้องเสียแล้ว ทุกอย่างก็แทบจะหมดความหมาย สัจจะธรรมแห่งรักคือ ความรักไม่เคยง่าย หากง่ายก็ไม่ใช่ความรักที่แท้จริง ในขณะที่เรากำลังมีความรัก เราอาจมีสติรับรู้ในสิ่งที่กำลังทำอยู่เพียงบางส่วนเท่านั้น ที่เหลือเป็นเรื่องของสัญชาติญาณ แรงขับจากฮอร์โมนเพศ ทัศนคติ และแรงกดดันจากสังคม เราจึงควรมีความตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่า
  
                     “ความรักของเราอาจไม่ยั่งยืน
                                                หากไม่รู้จักวิธีบริหารเสน่ห์ทางเพศ
                                                                ด้วยความมีเสน่ห์ของเราอย่างเหมาะสม

 บทต่อไปเป็นบทสุดท้ายแล้ว ล่ำลากันตามสมควรนะครับ ขอใช้หัวข้อว่า สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด

รักอย่างไรให่สมหวัง (3)


4.  การให้อภัย (Forgiveness)
          การที่คนสองคน ซึ่งมีความแตกต่างกันในหลายๆด้านมาอยู่ด้วยกัน ย่อมจะต้องมีปัญหากระทบกระทั่งกันบ้าง  สิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันคือ การพิจารณาอย่างรอบคอบถึงศักยภาพในการแก้ปัญหาทั้งของตัวเองและคนรัก
           คนโดยทั่วไปเวลาทำอะไรผิดพลาดมักหาข้อแก้ตัวเป็นประจำ  หากอีกฝ่ายหนึ่งใช้วิธีการตำหนิติเตียนหรือทำร้ายร่างกายเพราะความโกรธ ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่กลับทำให้ปัญหาบานปลายออกไป  คำถามคือ พวกเขายังรักกันหรือไม่  ถ้ายังรักกัน ทำไมถึงไม่เลือกวิธีอื่นที่สร้างสรรค์กว่า 
             
          ต่อไปนี้เป็นแนวปฏิบัติที่ผมอยากฝากให้พิจารณาครับ
         1. ถามตัวเองว่า คุณรักเขาหรือไม่ อย่าถามว่า เขารักคุณหรือไม่ เพราะคุณไม่สามารถบังคับให้ใครรักคุณได้หากคุณไม่ทำตัวให้น่ารัก
            2.  ฝ่ายที่ทำผิดพลาด จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ควรที่จะกล่าวคำ ขอโทษก่อนที่จะถูกทวงถาม หรือรอจนกระทั่งอีกฝ่ายแสดงความไม่พอใจออกมา
         3. อีกฝ่ายหนึ่งตอบรับด้วยการ ให้อภัย ทั้งคำพูดและการแสดงออก ไม่พยายามขุดคุ้ยเรื่องเดิมขึ้นมาอีก หลีกเลี่ยงคำพูดส่อเสียด เหน็บแนม
                   ปัญหาเกิดขึ้นเพราะ ฝ่ายที่ทำผิดพลาดไม่ยอมรับผิด ซึ่งอาจเป็นเพราะเขาหรือเธอไม่คิดว่า สิ่งที่ทำนั้นเป็นความผิดหรือไม่เหมาะสม หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี โดยเฉพาะฝ่ายชายในวัฒนธรรมเอเชียที่คิดว่าตัวเองมีศักดิ์ศรีสูงกว่าเพศหญิง ผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียวคิดว่าตัวเองมีความสำคัญกว่าทุกคน ตัวเองใหญ่ที่สุดในบ้านจึงไม่จำเป็นต้องขอโทษใคร ความคิดเช่นนี้ไม่มีส่วนไหนเลยที่เรียกได้ว่าเป็น ความรัก แต่เป็น ความเห็นแก่ตัว โดยแท้ และทำให้ความรักจากอีกฝ่ายหนึ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ
              4. ฝึกพูดคำว่า ขอโทษ” “ขอบคุณบ่อยๆจนติดปาก เพื่อให้เกิดความเคยชิน สามารถพูด
                          ออกไปได้ในสถานการณ์อันเหมาะสมโดยอัตโนมัติ
                          
                  ทุกครั้งที่ท่านรู้สึกโกรธ ผิดหวัง เสียใจ น้อยใจ ในตัวคนรัก ขอให้ท่านยึดภาษิตไทยที่ว่า รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อซึ่งเป็นประโยคที่ซ่อนความหมายไว้อย่างแยบยล ดังนี้
               
                              รักยาวให้บั่นทิ้งเสียซึ่งความขัดแย้ง และความไม่พอใจทั้งปวง
                              รักสั้นให้ต่อความยาวสาวความยืด พูดไม่จบ ชวนทะเลาะ
              
     5.  การให้เกียรติกัน (Respect)
                เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ปัญหามักเกิดจาก
1.   ให้เกียรติฝ่ายเดียว ในวัฒนธรรมทางตะวันออก มีความเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่ที่ว่า ฝ่ายหญิงมักเป็นฝ่ายที่ต้องให้เกียรติฝ่ายชาย ทำให้เกิดอัตตาและเสพติดเกียรติปลอมๆ คาดหวังที่จะได้รับเกียรติจากฝ่ายหญิงตลอดเวลา
2.    ต่างฝ่ายต่างไม่ให้เกียรติกัน เพราะความรู้สูงด้วยกันหรือมีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โต เมื่อกลับมาบ้านก็ยังไม่ยอมถอดหมวกออกด้วยกันทั้งคู่ 

วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

รักอย่างไรให้สมหวัง (2)


ปัจจัยแห่งความสำเร็จในชีวิตคู่  

                 โอวาทที่บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่มอบแก่คู่บ่าวสาวในคืนวันแต่งงาน มักเกี่ยวข้องกับเรื่องต่อไปนี้

1.  ความใส่ใจดูแล   
2.  ความซื่อสัตย์ และ ความไว้วางใจ
3. ความเข้าใจ 
4. การให้อภัย  
5.  การให้เกียรติ / ยกย่องนับถือ

1.  ความใส่ใจดูแล (Care)
         หมายถึง  ความใส่ใจต่อความรู้สึกของคนรัก  อยากดูแลปรนนิบัติ และทำให้เขาหรือเธอมีความสุข ตัวอย่างของการปฏิบัติ เช่น คอยถามทุกข์สุขและให้การดูแลในยามเจ็บป่วยหรือเวลามีปัญหาต่างๆ คอยพูดให้กำลังใจ ปลอบโยน และให้คำแนะนำ เวลาจะพูดหรือทำอะไร ควรมีความระมัดระวังไม่ให้กระทบต่อความรู้สึกของคนรัก การกระทำเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรู้จักอุปนิสัยใจคอของคนรักอย่างถ่องแท้  เช่น รู้ว่าเขาเป็นคนขี้น้อยใจ ขี้งอน ก็ควรพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการพูดจาถากถาง เสียดสี ตำหนิ จู้จี้ขี้บ่น ยั่วโทสะ เพราะความรู้สึกไม่ดีต่างๆเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกเพื่อรอวันระเบิดออกมา

2.  ความซื่อสัตย์ และ ความไว้วางใจ (Honesty & Trust)
         คุณสมบัติข้อนี้ถือว่ามีความสำคัญที่สุดกว่าทุกๆข้อ  เพราะ เมื่อคนเรารักกันย่อมจะมีความรู้สึกเป็นของกันและกัน (sense of belonging) จนถึงขั้นเป็นเจ้าของ(sense of possession) คนรักจึงกลายเป็นสมบัติส่วนตัวของกันและกัน เกิดความรู้สึกหวง เหมือนเด็กที่หวงของเล่นหรือผู้ใหญ่ที่หวงทรัพย์สมบัติ  เวลามีใครมาแย่งชิงย่อมไม่พอใจ โกรธ พยายามปกป้องสมบัติของตนเองทุกวิถีทาง  แต่เมื่อของรักของหวงชิ้นนี้กลายเป็นสิ่งมีชีวิต มีความรู้สึก ตอบสนองทางอารมณ์ได้  มีความผูกพันลึกซึ้งต่อกัน และความต้องการที่จะมีอนาคตร่วมกันต่อไป  ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าสิ่งของ  ดังนั้น  ผลกระทบต่อจิตใจยามถูกแย่งชิงไปจึงรุนแรงมาก ความหวงแปรเปลี่ยนเป็นความหึงซึ่งเป็นส่วนผสมของอารมณ์ที่หลากหลาย  ผ่านการปรุงแต่งด้วยความคิดอันสลับซับซ้อน หลายรายจบลงแบบ พิศวาสฆาตกรรมดังที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่เนืองๆ             
                  
                ถึงแม้จะรู้ถึงผลกระทบที่รุนแรงเช่นนี้ แต่คนส่วนหนึ่งก็ยังอยากเล่นกับไฟ โดยมีปัจจัยกระตุ้นต่างกันไป เช่น ความรู้สึกท้าทาย  ความใคร่ ตัณหาราคะ  ความเหงา  ความเบื่อหน่ายคนรัก  ความรู้สึกไร้ค่าในเวลาที่อยู่กับคนหนึ่งแต่กลับรู้สึกมีคุณค่าเวลาอยู่กับอีกคนหนึ่ง  ความมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และยาเสพติด ฯลฯ  แต่ถึงแม้จะมีเหตุผลหรือข้ออ้างต่างๆนาๆ ก็ยังมีคำถามอยู่ดีว่า  ทำไมคนอื่นที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันจึงไม่ทำเช่นนั้น  คำตอบน่าจะเป็นเรื่องของ ระดับความรู้สึกผิดชอบชั่วดี คุณธรรม ศีลธรรมประจำใจ  อันเป็นผลมาจากการอบรมเลี้ยงดู และประสบการณ์ชีวิตในวัยเยาว์  ซึ่งเป็นตัวสร้างความเชื่อ ทัศนคติ และความคาดหวังที่ต่างกัน 
    
                คู่รักทั้งสองนอกจากต้องมีความซื่อสัตย์ต่อกันแล้ว  สิ่งที่ต้องมีควบคู่กันไปก็คือ ความไว้วางใจต่อกัน  หากฝ่ายหนึ่งเอาแต่ระแวงสงสัยว่าอีกฝ่ายจะนอกใจ มีกิ๊ก มีบ้านเล็กบ้านน้อย  คอยหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอยู่เป็นประจำ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาต่อไปได้เช่นกัน สิ่งถูกต้องคือ ฝ่ายที่ถูกระแวงสงสัย ต้องไม่มีเรื่องราวเช่นนั้นจริงๆด้วย 
                 
                เมื่อพูดถึงพฤติกรรมปันใจให้คนอื่น ยังมีประเด็นให้ขบคิดกันในเรื่องรูปแบบของการติดต่อสื่อสารที่หมิ่นเหม่ในลักษณะของการปันใจ นอกใจกัน เช่น การพูดคุยกันผ่านทางระบบ อินเตอร์เนต ทุกรูปแบบ  พฤติกรรมเหล่านี้นับวันจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้สร้างปัญหาให้กับครอบครัวจำนวนหนึ่งเข้าแล้ว กล่าวคือ  ภรรยาเกิดความเครียดจนนอนไม่หลับ เพราะไปพบข้อความ SMS ทำนองเกี้ยวพาราสีบนมือถือของสามี ฝ่ายสามีก็กลัดกลุ้มไม่เป็นอันทำงานหลังจากพบข้อความในลักษณะเดียวกันบน facebook ของภรรยา ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร นี่คือผลกระทบในเชิงลบจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีระบบสื่อสารปัจจุบัน แน่นอนว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะยังคงเกิดขึ้นซ้ำๆซากๆต่อไป ตราบใดที่คนส่วนหนึ่งใช้เทคโนโลยีอย่างไม่เหมาะสมในการแสวงหาความสุข

3.  ความเข้าใจ (Understanding)
         คำนี้มีความหมายได้ทั้งกว้างและลึกเมื่อนำมาใช้ในเรื่องความรัก โดยต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจที่ว่า คนเรามีความแตกต่างกัน เสียก่อน  เราเป็นแบบหนึ่ง เขาก็อีกแบบแหนึ่ง  บางอย่างอาจเหมือนกัน  ในขณะที่อีกหลายอย่างต่างกัน  เข้าใจอย่างเดียวไม่พอต้องยอมรับให้ได้ด้วย  บางอย่างที่ยอมรับไม่ได้จริงๆก็ควรพูดคุยกันเสียแต่เนิ่นๆ โดยใช้ความจริงใจต่อกัน หากเริ่มต้นด้วยการโกหกหลอกลวงกัน เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งต้องมีปัญหากันอย่างแน่นอน 
               เพื่อให้มีความครอบคลุม ง่ายต่อการจดจำ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ จึงขอแบ่งหัวข้อของความแตกต่างออกเป็น 2 เรื่อง คือ
         
1. บุคลิกภาพ มีองค์ประกอบ 3 อย่างคือ  ความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม  ความคิด หมายถึง วิธีคิด  การใช้เหตุผล  ความเชื่อมโยง  การวางแผน  ความรับผิดชอบ ความเชื่อ  ทัศนคติ  ความใฝ่ฝัน  ความทะเยอทะยาน ความเอาจริงเอาจัง  การตัดสินใจ  และ ทุกๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับความคิด  อารมณ์ ให้ดูที่ลักษณะ เช่น เป็นคนใจเย็นหรือใจร้อน  ขี้หงุดหงิดหรืออารมณ์ดี  และความสามารถในการควบคุม และสุดท้ายคือ พฤติกรรม มีความสุภาพเรียบร้อย ยินดีรับฟัง หรือเกรี้ยวกราด ก้าวร้าวรุนแรง   
        
2. รสนิยม หมายถึง ความสนใจ ความชอบในเรื่องต่างๆทั้งสิ่งของและวิธีแสวงหาความสุข เช่น รสนิยมเรื่อง อาหาร การแต่งกาย ดนตรี ภาพยนตร์ กีฬา การเที่ยวเตร่ งานอดิเรกอื่นๆ รวมถึงเรื่องเพศด้วย

รักอย่างไรให้สมหวัง (1)


                   ความรักไม่ใช่ตัวปัญหา แต่เป็นความเข้าใจ และ การปฏิบัติต่อคนรัก 
                                                                                                                                                  ผู้เขียน

             สำหรับคนที่เป็นแฟนกันอยู่ในเวลานี้ เขาหรือเธอพูดประโยคแรกกับคุณว่า
         ………………………………………………………

         สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว โอวาทที่คุณประทับใจในคืนวันแต่งงานคือ                            
         …………………………………………………........

          หลายคนยังจำได้ดี แต่เชื่อว่ามีอีกไม่น้อยจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผู้ใหญ่ที่กล่าวให้โอวาทคือใคร

               สิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่สาระสำคัญอะไรเลยหากคุณยังมีความสุขกับชีวิตรัก ที่น่าสนใจกว่าคือ คุณทำอย่างไรความรักจึงได้ยืนยาวมาจนถึงวันนี้ ผมเชื่อเหลือเกินว่า คุณทั้งสองต้องผ่านปัญหาอุปสรรคต่างๆมาพอสมควร ยิ่งปัญหามากแต่ช่วยกันฟันฝ่ามาได้ก็ยิ่งรักกันมาก เพราะ
               
                                            " ปัญหาคือบททดสอบรักแท้ "

               ผมเคยพบคู่รักจำนวนหนึ่งที่ใช้เวลาดูใจกันนานเกินระยะโรแมนติค จนเกิดความเฉื่อยชาที่จะแต่งงานกัน รอจนได้เรื่อง คือมีคนอื่นเข้ามาแทน ทั้งๆที่คบหากันมากว่าสิบปี  เมื่อผมถามว่า รออะไรกันอยู่หรือ ? คำตอบคือ ความพร้อมซึ่งหมายถึง ฐานะทางการเงินที่มั่นคง มีบ้าน มีรถกันคนละคัน และอื่นๆอีกมากมาย  มัวห่วงนั่นกังวลนี่ มีเท่าไรก็ไม่รู้สึกพอ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ต่างก็ลืมไปว่า

                  ความสุขของชีวิตหาได้อยู่ที่จุดหมายปลายทางไม่  หากแต่อยู่บนทุกย่างก้าวที่เดินไป

          ถ้ารอความพร้อมก็จะไม่มีวันพร้อมสักที แล้วชีวิตจะมีอะไรน่าตื่นเต้นน่าจดจำพอจะนำไปเล่าให้ลูกหลานฟังล่ะครับ จงอย่ากลัวที่จะสร้างตำนานรักให้ตัวท่านเองอยู่เลย ทุกคนล้วนมีเรื่องราวของตัวเองทั้งนั้น จะขลุกขลักล้มลุกคลุกคลานหรือราบรื่นจนจืดชืดอย่างไรมันก็เรื่องของเรา 

             สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่รู้ๆกันอยู่ แต่ทำกันไม่ค่อยจะได้ และเป็นสาเหตุที่ทำให้คู่รักจำนวนไม่น้อยไปไม่ถึงจุดหมาย บางคนอ่านหนังสือเกี่ยวกับความรัก อกหัก มามากมาย แต่ยังคงมีปัญหาทุกครั้งที่มีรัก ไม่ต่างอะไรกับคนที่ชอบคุยโม้โอ้อวดว่า อ่านหนังสือธรรมะมามากมาย แต่ยังคงดำเนินชีวิตด้วยความเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์อยู่ทุกวัน ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือยโดยไม่รู้จักคำว่า แบ่งปัน จึงขอนำมาให้ทบทวนกันอีกสักครั้ง คู่รักใดที่สามารถปฏิบัติได้ตามปัจจัยต่างๆต่อไปนี้ด้วยความสม่ำเสมอ ก็จะมีแต่ความสุขและสมหวังในชีวิตคู่ ทุกวันอย่างแน่นอน

           แต่ก่อนจะถึงหัวข้อ ปัจจัยแห่งความสำเร็จในชีวิตคู่ ขออ้างถึงทัศนะของ Erich Fromm นักจิตวิเคราะห์ชาวเยอรมัน ผู้โดดเด่นคนหนึ่งในยุคของเขา ซึ่งได้กล่าวไว้ในหนังสือชื่อ  “The Art of Loving” ว่า
                
               ความพยายามส่วนใหญ่ที่ทุ่มเทให้กับความรักจะล้มเหลว จนกว่าบุคคลผู้นั้นมีความพยายามอย่างจริงจังในการพัฒนาศักยภาพและบุคลิกภาพของเขาเอง 
               
              จะเห็นได้ว่า เขาเน้นในเรื่อง บุคลิกภาพ อย่างชัดเจน ทั้งนี้เพราะความรักมีองค์ประกอบมากมาย  อีกทั้งยังมีการพัฒนาตัวมันเองอยู่ตลอดเวลา เราจึงควรให้ความสำคัญในเรื่อง การพัฒนาตัวเราเองมากกว่าการพยายามเปลี่ยนแปลงคนรักให้เป็นแบบที่เราต้องการ
                  
              แต่การที่จะพัฒนาตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเรามีความเคยชินติดตัวมา ครั้นเมื่อต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้าที่กลายมาเป็นคนรัก ซึ่งต่างก็มีความเคยชินของตัวเอง หากมีความแตกต่างกันมากในเรื่องสำคัญๆ (อ่านเพิ่มเติมในบท ความเข้ากันได้ของคู่รัก”) โอกาสที่จะเกิดความอึดอัดและไม่พอใจกันก็มีมากขึ้น ความจริงที่เราทราบกันดีคือ คนจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีฐานะดี แต่ล้มเหลวในเรื่องความรัก คุณเองก็คงเคยพบเห็นครอบครัวของคนรู้จักที่หย่าร้างกัน ทั้งๆที่ดูภายนอกแล้วพวกเขามีความสุขและพร้อมทุกอย่าง เกิดอะไรขึ้นในชีวิตของพวกเขาหรือ?

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อกหัก...........ช่วยด้วย (5)


ต่อไปนี้คือ กระบวนความคิด (บางส่วน) ของ……….คนอกหัก

·  หมกมุ่นครุ่นคิดถึงแต่อดีต คิดถึงความดี บุญคุณ สิ่งดีๆที่คนรักเคยมอบให้ เสียดายความดีของเขา อยากได้เขากลับคืนมา กลัวว่าจะไม่พบคนดีเช่นเขาอีก
·  กลัวความเหงา ความว้าเหว่ การอยู่คนเดียว
·  คิดถึงความสุขทางเพศที่เคยได้รับ เกิดความรู้สึกเสียดาย หึงหวงอยากเป็นเจ้าของต่อไป
·  เป็นห่วงกังวลว่า คนรักจะลำบาก  อยู่กับคนรักใหม่ไม่ได้ คิดและรู้สึกแทนคนรัก
·  คิดว่าตัวเองไม่มีค่าพอ สู้คนรักใหม่ของเขาหรือเธอไม่ได้ เกิดความอิจฉาริษยาคนรักใหม่

           จะเห็นว่า ความรู้สึกต่างๆ เกิดจากความคิดที่ยึดติดอยู่กับอดีต ติดความสุข ความภาคภูมิใจและการนับถือตนเองที่เคยมี รวมทั้งความคิดวิตกกังวลถึงอนาคต

คำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญหน้ากับภาวะอกหัก

 1.  จัดระบบความคิดใหม่  ด้วยการคิดเชิงบวกให้มากขึ้น เช่น
· ในกรณีที่คุณเพิ่งรู้ความจริงว่า เขาหรือเธอนอกใจคุณ ให้บอกกับตัวเองว่า ดีแล้วที่รู้ความจริงตอนนี้ ดีกว่ารู้เดือนหน้า, ปีหน้า, เมื่อมีลูกด้วยกัน, เมื่อลูกโต, เมื่อแก่ตัวไม่มีใครเลี้ยงดู ”, “เป็นโอกาสดีที่จะได้หลุดพ้นจากความสุขจอมปลอมที่เรื้อรังมานาน”, “เราไม่ตายหรอกถ้าไม่มีเขาหรือเธอ แต่ถ้าอยู่ด้วยกันต่อไป มีแต่ตายทั้งเป็น
·  จินตนาการถึงภาพชีวิตที่มีความสุขในอีก 5-10 ปีข้างหน้า มีครอบครัวที่อบอุ่นกับคนที่ ใช่
·  คิดเสียว่า เขา หรือ เธอ มีปัญหาด้านบุคลิกภาพ ป่วยทางจิตวิญญาณ (โลภ โกรธ หลง ตัดคำว่า รัก ออกไป เพราะรักแท้ไม่ทำร้ายใคร) ซึ่งหนักหนาและแก้ไขยากกว่าป่วยทางจิตเวช ให้พยายามรู้สึกเวทนาสงสารเขามากกว่าตัวเอง พร้อมทั้งแผ่เมตตาไปให้
·   มองปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นกระบวนการ เป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นมีความรักให้กัน เราคาดหวังอะไรในตัวคนรักบ้าง เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกเขาหรือเธอเป็นคู่ครอง เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ปัญหาเริ่มก่อตัวขึ้นจากเรื่องอะไร มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง ตัวเราเองมีส่วนสร้างปัญหาอย่างไร อย่าโทษคนรักหรือโทษตัวเองฝ่ายเดียว พยายามยอมรับความจริงที่ว่า ไม่มีใครผิดทั้งหมดหรือถูกตลอดเวลา ไม่ควรมองรายละเอียดของเหตุการณ์ต่างๆเป็นเอกเทศ เพราะเรื่องขัดแย้งหนึ่งมักจะมาจากเรื่องที่เกิดก่อนหน้า อยู่ที่ว่าใครจะหยิบยกช่วงไหนมาอ้าง เพราะคุณได้พิสูจน์มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า เถียงกันไม่จบ หาข้อสรุปอะไรไม่ได้ ทุกครั้งที่พยายามปรับความเข้าใจกันก็มักจบลงด้วยการทะเลาะเพื่อเอาชนะกัน สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรกระทำให้ได้ คือ

              ถามตัวเองว่า เรียนรู้อะไรบ้างจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และจะหาทางป้องกันไม่ให้ เกิดขึ้นอีกได้อย่างไร

   2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตใหม่ ด้วยการทำสิ่งแปลกใหม่ในเชิงสร้างสรรค์ เช่น
·  ทิ้งหรือทำลายวัตถุสิ่งของต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอดีตคนรัก (ไม่จำเป็นต้องทำหากคุณคิดว่าการเก็บสิ่งเหล่านั้นไว้ทำให้มีความสุขมากกว่าทุกข์) เช่น ภาพถ่าย ของใช้ ของขวัญ ของที่ให้ในโอกาสต่างๆ
·  ไม่รับโทรศัพท์ เปลี่ยนซิมการ์ด เปลี่ยนอีเมล์ เลิกเล่น facebook ชั่วคราว เลิกการติดต่อทุกช่องทาง ย้ายที่อยู่- กรณีนี้เหมาะสำหรับอดีตคนรักประเภท คนหลงรักตัวเอง(Narcissistic lovers) เพราะคุณจะไม่ปลอดภัยจากการถูกทำร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เขารู้ว่าคุณมีคนรักใหม่
·  อยู่กับญาติๆ เพื่อนๆที่รู้ใจ พยายามอย่าอยู่คนเดียว เพราะความคิดของคุณจะเป็นอันตรายต่อตัวคุณเอง อารมณ์ชั่ววูบเกิดขึ้นได้เสมอ
·  หากิจกรรมทำสำหรับเวลาที่มีมากขึ้น เช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา เลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชผักสวนครัว เรียนทำอาหาร วาดรูป เล่นดนตรี หาสารพัดความรู้จากอินเตอร์เนต หรือทำงานอดิเรกที่คุณเคยใฝ่ฝันจะทำมานานแต่ไม่เคยลงมือ บอกตัวเองว่า เวลาแห่งความสุขมาถึงแล้ว
·  กำหนดเป้าหมายใหม่ของชีวิตที่สูงขึ้น เช่น การศึกษาต่อระดับปริญญาตรี โท เอก  
หรือทำสิ่งที่ท้าทายความสามารถขั้นสูงสุดของคุณ

สรุป    ขอย้ำว่า ไม่มีสูตรสำเร็จ หรือคาถามนต์ดำอะไรสำหรับแก้ไขอาการอกหัก เพราะสาเหตุของแต่ละรายไม่เหมือนกัน ชีวิตแต่ละคนมีรายละเอียดแตกต่างกัน ตัวแปรที่ทำให้เกิดปัญหาก็ต่างกัน ถึงแม้จะคล้ายกันในเนื้อหา แต่ยังคงแตกต่างกันที่ความรุนแรง แนวทางที่ให้นี้จึงเป็นเพียงหลักการ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้โดยการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอด้วยจิตใจที่เข้มแข็งอดทน

ผมพาท่านเดินทางมาไกลจนเกือบถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ต่อไปเป็นบทใหญ่ชื่อเดียวกับ blog คือ รักอย่างไรให้สมหวังเป็นการผสมผสานความรู้ทั้งหมดเข้าด้วยกัน เสมือนเป็นอาหารพร้อมเสริฟ ส่วนท่านใดจะนำไปปรุงแต่งรสชาดหรือดัดแปลงอย่างไรก็ขอเชิญตามอัธยาศัยครับ