อกหัก…………….ช่วยด้วย
……....เปล่าเปลี่ยวจริงหนอ
หัวใจ อยากจะรักใคร เศร้าใจทุกครา
หมดแรงกำลัง อ่อนล้า และหลงทาง
เจ็บนั้น ยังเจ็บมิจาง อ้างว้าง ดังสายชล…………………
...……….แม้ใจจะเจ็บ เก็บมาคิดๆ
อดีต ยังงามล้ำล้น
มิเคยลืม ภาพเราสองคน
มิเคยลืม ยังหลอกลวงตน
มิเคยลืม ว่าเคยรักเธอ สายชล………….............................
ถ้อยคำพรรณนาความรู้สึกข้างต้น
มาจากบทเพลง “สายชล” อันโด่งดังเมื่อกว่า
30 ปีที่แล้ว ขับร้องโดยคุณ จันทนี อูนากูล
น้ำเสียงอันเศร้าสร้อยของเธอ สามารถสะกดอารมณ์ผู้ฟังให้อยู่ในความเจ็บปวดอย่างสงบ
ฟังกี่ครั้งก็ยังกินใจ คุณภูสมิง หน่อสวรรค์ นำมาขับร้องใหม่ ด้วยน้ำเสียงเหงาเศร้าจนทำให้ผู้ชายหลายคนที่มีอดีตอันขมขื่นอาจถึงกับสะอื้นไห้โดยไม่รู้ตัว
เนื้อเพลงสองท่อนนี้
ให้ความหมายแตกต่างอย่างน่าสนใจยิ่ง
ท่อนบน
บ่งบอกถึงความเจ็บปวดทรมานใจ เป็นความรู้สึกด้านลบ
ท่อนล่าง
บอกเล่าถึงความทรงจำดีๆในอดีต ให้ความรู้สึกเชิงบวก
เพลงนี้สอนอะไรเราได้มากทีเดียว
หากคุณกำลังอกหักอยู่พอดี
โปรดอย่าเพิ่งวู่วามทำอะไรที่เป็นภัยต่อตัวเองและผู้อื่น ใจเย็นๆไว้ก่อนนะครับ
ขอให้อ่านบทความนี้สักเที่ยวหนึ่งก่อน สูดหายใจลึกๆ ช้าๆ หลายๆครั้ง ลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
โดย “ไม่ตัดสินว่าใครถูกใครผิด ” เพียงแต่ให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายใจ
ให้คุณเป็นเพียงคนดูเท่านั้น อาจจะทำได้ยากตราบใดที่คุณยังมีอารมณ์โกรธแค้น เสียใจ
น้อยใจ ผมขอแนะนำให้คุณเริ่มด้วยการ ให้อภัย ต่อคนรักก่อน เป็นการปูทางสำหรับความคิดอื่นๆที่จะตามมา
พยายามตัดบุคคลที่สามทิ้งไปไม่ว่าคุณจะเรียกพวกเขาว่า กิ๊ก ชู้ คู่ขา คู่นอน ฯลฯ
ให้เน้นที่คนรักของคุณเท่านั้น หากกรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการนอกใจ
หรือไปมีคนรักเพิ่ม ภายหลังจากการลำดับเหตุการณ์ต่างๆเรียบร้อยแล้ว
คุณจะได้ข้อสรุปอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
1. คนรักของคุณเห็นคนอื่นดีกว่าคุณ
และต้องการเลิกกับคุณ แต่ไม่กล้าที่จะบอกเลิกกับคุณซึ่งๆหน้า
2. คนรักของคุณเห็นคนอื่นมีข้อดีบางอย่างที่คุณไม่มีหรือมีน้อยกว่า
ในขณะที่เขาหรือเธอคนนั้นก็ขาดอะไรบางอย่างที่คุณมี เข้าทำนองรักพี่เสียดายน้อง
เลยต้องการทั้งสอง
3. หลวมตัวไปมีอะไรกันอย่างลึกซึ้งโดยประมาทหรือเจตนา
แล้วไม่สามารถถอนตัวได้เพราะถูกข่มขู่ นึกชอบ หลงเสน่ห์ทางเพศ ผูกพันเพราะคบหากันมาระยะหนึ่ง หรือเกิดเงื่อนไขบางประการ เช่น การตั้งครรภ์
แต่ไม่คิดจะเลิกกับคุณ
ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหน
คุณย่อมทุกข์ทรมานใจไม่น้อยไปกว่ากัน ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณจะทำอย่างไร
ก่อนอื่น ผมขอให้องค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ความรู้สึกของคนเราในเวลาที่ต้องประสบกับปัญหารุนแรงในชีวิตว่า
จะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นลำดับขั้น ดังนี้
1. การปฏิเสธความจริง (Denial)
เวลาที่คนเราได้รับข่าวร้าย สิ่งแรกที่มักทำกันคือ
ถามคนให้ข่าวว่า “ จริงหรือเปล่า
” หรือรำพึงกับตัวเองว่า
“ เป็นไปไม่ได้ ”
ที่เป็นเช่นนี้เพราะเรากำลังใช้กลไกทางจิตเพื่อปกป้องตนเองจากการถูกทำร้ายจิตใจ
2. ความโกรธ
(Anger) เมื่อทุกอย่างปรากฏออกมาอย่างชัดเจนว่าเป็นความจริง
เราจะรู้สึกขุ่นเคือง ไม่พอใจ โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ตัดพ้อต่อว่าไปถึงสวรรค์เพราะไม่รู้จะโทษใคร
บางกรณีที่เป็นเรื่องทำให้เกิดความแค้นใจก็อาจนำไปสู่พฤติกรรมรุนแรงได้
3. การต่อรอง (Bargaining)
หากผ่านสองขั้นตอนแรกมาได้โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ก็จะเริ่มทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
หวังเพียงแต่ให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด มีสติคิดหาหนทางแก้ไขปัญหาด้วยความรอบคอบมากขึ้น
4. ความซึมเศร้า (Depression)
เมื่อการต่อรองซึ่งหมายถึงความพยายามในการแก้ปัญหาประสบความล้มเหลว
เราก็มักจะเกิดความผิดหวังและเสียใจอีกครั้งหนึ่ง
หากยังไม่สามารถทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ก็จะเกิดอารมณ์เศร้าหมองหรือเศร้าโศกเสียใจอย่างมากตามมา
5. การยอมรับ(Acceptance)
หากสามารถจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้ดีพอ
ประกอบกับได้รับกำลังใจหรือได้รับสิ่งชดเชยเกิดขึ้น เราก็จะยอมรับความจริงได้และนำพาตนเองออกจากความทุกข์โศกได้สำเร็จ
ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ความรู้สึกดังกล่าวนี้
จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องจากขั้นตอนหนึ่งไปยังอีกขั้นตอนหนึ่ง
และอาจจะเชื่องช้าในขั้นตอนอื่นๆ แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม องค์ความรู้นี้
จะทำให้คุณสามารถติดตามและตรวจสอบอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้ตลอดเวลาว่าอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว
และควรระมัดระวังอะไรบ้างเพื่อควบคุมสติของตัวเองให้ได้ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาด้วยตรรกะที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงและสังคมยอมรับ
กลับมาสู่ประเด็นที่ว่า
จะทำอย่างไรหากคุณกำลัง “อกหัก” อยู่พอดี
ลองพิจารณาคำแนะนำต่อไปนี้ดูนะครับ
1. หลับตา สูดหายใจลึกๆ ช้าๆ
เพื่อสะกดความคิดทั้งหลายให้นิ่งก่อนแล้วตั้งสติให้มั่นคง
2. จินตนาการว่าคุณกำลังถอดร่างออกจากร่างปัจจุบัน
แล้วมองกลับไปยังร่างของคุณเอง สังเกตอารมณ์ที่กำลังพุ่งถึงขีดสุด
และพฤติกรรมที่คุณกำลังกระทำอยู่ ถามตัวคุณเองว่า
ร่างที่คุณกำลังจ้องมองนั้นกำลังพยายามทำอะไร ต้องไม่นึกไปถึงคนรักของคุณ
รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ให้เพ่งมองไปที่ตัวคุณคนเดียวเท่านั้น
3. หากคุณเห็นตัวของคุณเองกำลังจะทำในสิ่งที่เป็นอันตรายต่อตัวเองหรือผู้อื่น
ให้เฝ้ามองต่อไปจนกระทั่งเหตุการณ์ผ่านไปตามลำดับ จนถึงจุดที่คุณไม่อยากมองหรือไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก
4. ถามตัวคุณเองอีกครั้งหนึ่งว่า
ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่คุณเห็นทั้งหมดนั้น
ใช่สิ่งที่คุณต้องการเห็นจริงๆหรือไม่
มีภาพอื่นๆที่ดีกว่าและคุณอยากเห็นอีกหรือไม่ ถ้าอยาก….
5. บอกกับตัวคุณเองว่า
พรุ่งนี้ฉันจะลองถอดร่างดูอีกครั้งหนึ่ง เพื่อมองหาเหตุการณ์ที่แตกต่างไปจากวันนี้
และจะทำเช่นนี้อีกหลายๆวัน…….จนกว่าจะได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดความเสียหายน้อยที่สุดกับทุกๆคน
ถึงแม้ว่าจะยากเย็นแสนเข็นเพียงไรสำหรับคนที่กำลังผิดหวังอย่างรุนแรงจะสามารถคิดและทำสิ่งที่ถูกต้องได้ในห้วงอารมณ์ดังกล่าว แต่ย่อมไม่ได้หมายความว่า จะทำไม่ได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น ในที่นี้ผมจึงใคร่ขอเป็นที่พึ่งทางความคิดและหาทางออกให้กับทุกท่านที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่
โดยใช้ความรู้และประสบการณ์จากการทำงานมายาวนาน ได้พบและพูดคุยกับผู้ที่มีปัญหาทางใจจำนวนมาก
ได้พบความจริงอย่างหนึ่งว่า ถึงแม้แต่ละท่านจะมีรายละเอียดของปัญหาแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือ
ความทุกข์ทรมานใจแสนสาหัสเหมือนตกนรกทั้งเป็น สิ่งที่สะกิดใจผมอย่างมากก็คือ
คำพูดแสดงความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจแต่ละท่าน ผมจึงได้นำเอาคำพูดเหล่านั้นมาเป็นแนวทางสำหรับให้คำแนะนำแก่ผู้ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในเวลานี้………….. คำพูดที่ผมได้ยินบ่อยๆมีดังต่อไปนี้
เสียศักดิ์ศรี-ไม่ยุติธรรม- หลอกลวง- ทรยศ- ไม่รักดี- เห็นแก่ตัว-
ไม่รักครอบครัว- ถูกเขาหลอก- น้อยใจ- ทำดีไม่ได้ดี- ฉันไม่ดีตรงไหน- ฉันผิดตรงไหน- ทำไมถึงทำกันได้ขนาดนี้- คิดไม่ถึง- แค้น- อยากแก้แค้น- เซ็ง- เบื่อ- เศร้า- โลกนี้ไม่น่าอยู่- ฉันไม่น่าโง่เลย- เสียดายเวลาที่คบกันมา-
ฉันควรได้พบคนที่รักฉันจริง
คำพูดเหล่านี้สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งทุกแง่มุมหมดสิ้นทั้งหัวใจ
ผมเชื่อว่ายังมีคำพูดอีกมากมายนัก แต่สิ่งที่เราควรเข้าใจตรงกันก็คือ อารมณ์ความรู้สึกต่างๆเหล่านี้นี่เองที่ทำให้เรามีความทุกข์จนมองไม่เห็นทางออก
หลายท่านถึงกับสิ้นหวังจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
จำนวนไม่น้อยที่ได้จากโลกนี้ไปแล้ว การที่ผมหยิบเอาคำพูดเหล่านี้ขึ้นมา
ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณาแต่ละคำอย่างละเอียด โดยผมจะขอทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของผู้มีปัญหามาสู่ท่านอีกต่อหนึ่ง
เรามาเริ่มกันเลยนะครับ
