วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อกหัก.........ช่วยด้วย (2)


คำพูดทั้งหมด แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆตามลักษณะความคิดและความรู้สึก ดังนี้

กลุ่มที่ 1  ความคิด ได้แก่คำว่า ไม่ยุติธรรม-ทำได้ไง-ไม่รักดี- เสียศักดิ์ศรี- เห็นแก่ตัว ฯลฯ
กลุ่มที่อารมณ์   ได้แก่คำว่า น้อยใจ-แค้น-เซ็ง-เบื่อ-เหงา-เศร้า-หดหู่ ฯลฯ

            ทั้งสองกลุ่มนี้เป็นเหตุและผลกัน เพราะ ความคิดทำให้เกิดอามรณ์ เมื่อความคิดไม่ดี อารมณ์ย่อมไม่ดีไปด้วย ดังนั้น หากจะให้อารมณ์หรือความรู้สึกดีก็ต้องคิดดี ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า ภายใต้ความกดดันเช่นนี้เราจะคิดดีได้อย่างไร  คุณคงสงสัยว่า จะมีใครบ้างไหมที่ไม่เสียใจเวลาอกหัก แน่นอนครับไม่มีหรอก แต่คุณสงสัยไหมว่า ทำไมคนอกหักแต่ละคนจึงเสียใจไม่เท่ากัน ส่วนหนึ่งฆ่าตัวตาย บางคนก็ฆ่าคนรักตายไปด้วย ขณะที่อีกหลายคนเลือกมีชีวิตอยู่ และหาทางแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งกลุ่มหลังนี้มีจำนวนมากกว่าหลายร้อยหลายพันเท่า คุณก็อาจโต้แย้งได้อีกว่า ปัญหาของแต่ละคนมีความรุนแรงไม่เท่ากัน ดังนั้นแล้วประเด็นนี้หากจะโต้เถียงกันเช่นนี้คงไม่จบ แต่สิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ปัญหาของใครย่อมจะหนักหนาสาหัสสำหรับคนๆนั้นในห้วงเวลาเช่นนั้น

            สิ่งที่น่าคิดก็คือ อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ความรุนแรงของปัญหาแตกต่างกัน  ผมจะลองยกตัวอย่างให้พิจารณากันดูนะครับ

1.   ระดับความลึกซึ้งของความสัมพันธ์ เช่น มีเพศสัมพันธ์กันแล้ว, คบหาหรืออยู่ด้วยกันมานานจนรู้สึกผูกพันอย่างมาก
2.    ความวิตกกังวล ถึงผลกระทบต่างๆ เช่น ลูก, ภาระทางการเงิน, อายุมากกลัวจะหาแฟนใหม่ไม่ได้, กลัวการอยู่คนเดียว, รู้สึกอับอาย เสียหน้า
3.   บุคลิกภาพ ซึ่งหมายถึง วิธีคิดและลักษณะทางอารมณ์ที่เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมประจำตัวของแต่ละบุคคล
4.   ปัจจัยค้ำจุน ที่ช่วยเหลือด้านกำลังใจ เช่น ความมั่นคงทางการเงินหรือหน้าที่การงาน, กำลังใจจากญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง, การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์

            ปัจจัยดังกล่าวเหล่านี้ ผมให้น้ำหนักที่ บุคลิกภาพ มากที่สุด เพราะเป็นตัวกำหนดวิธีคิดและการใช้เหตุผลของคนเรา อันมีรากฐานมาจากความเชื่อและทัศนคติดั้งเดิม ดังนั้น รากเหง้าของปัญหาทั้งปวงจึงเกิดจากความแตกต่างทางความเชื่อและทัศนคติ ไม่เว้นแม้แต่ ความรัก หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป จะไม่มีใครสามารถแก้ปัญหานี้ได้เลย สมมุติฐานของผมคือ หากสามารถทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมมี ความรู้ที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกิด ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกิด ปัญญา มากขึ้นทีละน้อย หลังจากนั้น ค่านิยมผิดๆ ก็จะได้รับการแก้ไขในระดับปัจเจกบุคคล เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งจะเกิด การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม ของผู้คนในวงกว้าง กลายเป็น ความเชื่อและค่านิยมใหม่ ที่ดีกว่าเดิมในที่สุด

            และด้วยความเชื่อเช่นนี้ของผม จึงทำให้เกิด blog นี้ขึ้นมา

            จากกลุ่มคำต่างๆ 2 กลุ่มข้างต้น ผมจะขอนำเอาบางคำที่ได้ยินบ่อยๆมาวิเคราะห์ให้ฟัง เพื่อให้เกิดมุมมองใหม่ๆที่อาจทำให้ท่านเห็นทางออก หรืออย่างน้อยที่สุดก็พอจะช่วยให้ท่านรู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้างในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้

กลุ่มที่ 1 ความคิด ไม่ยุติธรรม-ทำได้ไง -ไม่รักดี- เสียศักดิ์ศรี- เห็นแก่ตัว ฯลฯ
            แต่ละคำมีความหมายไปทางเดียวกัน เป็นความคิดต่อคนรักที่แฝงด้วยความรู้สึกไม่พอใจ โกรธ แค้น เหตุเพราะ รู้สึกว่าตนเองถูกเอาเปรียบ จึงเกิดความไม่พอใจ และต้องการทวงความยุติธรรมคืนมาด้วยวิธีการต่างๆ ตั้งแต่การตำหนิ ตัดพ้อ พูดจาเสียดสี ด่าทอ ทำร้ายร่างกาย จนถึงขั้นฆ่าทิ้ง การกระทำเช่นนี้เป็นการปลดปล่อยความอึดอัดกดดันต่างๆ หากไม่สามารถปลดปล่อยมันออกมา พลังกดดันนั้นจะวกกลับมาทำร้ายตัวเอง ทำให้เกิดความหดหู่ เศร้าหมอง สิ้นหวัง เมื่อรู้สึกว่าถึงทางตันก็อาจจบลงด้วยการฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทั้งสิ้น
            
                                             มีทางออกที่ดีกว่านี้ไหม ?
            
            มีแน่นอนครับ ด้วยการแก้ที่ ความคิด ของคุณก่อน เพราะทุกอย่างเกิดจากความคิด เริ่มจากการพิจารณาเหตุผลที่คุณใช้มาเรื่อยๆตั้งแต่เกิดเรื่อง อย่าเพิ่งตัดสินคนรักของคุณ จากพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่างๆของเขาหรือเธอ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ ตั้งสติให้มั่น พูดง่ายทำยากครับ แต่ต้องทำให้ได้ มิฉะนั้นคุณจะหาทางออกไม่เจอ และอาจต้องเสียเวลาวนเวียนอยู่กับการแก้ปัญหาไปอีกนาน เมื่อคุณตั้งสติได้ระดับหนึ่งแล้ว (สังเกตจากความคิดฟุ้งซ่านและอารมณ์โกรธที่พอจะควบคุมได้) ก็ให้เริ่มปฏิบัติตาม ข้อแนะนำ ต่อไปนี้ดูนะครับ

1.   ต้องไม่ไปคิดถึงกิ๊กหรือชู้ของแฟนคุณให้เจ็บช้ำใจ แต่มุ่งไปที่คนรักของคุณคนเดียว บอกตัวคุณเองว่า เรื่องนี้เกิดจากตัวเขาเท่านั้น

2.   ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องราวที่แท้จริงเป็นอย่างไร โดยคุณต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้ทั้งก่อน ขณะ และหลังจากที่เขาพูดความจริงให้ฟัง ขั้นตอนนี้ยากที่สุดครับ เพราะระหว่างที่เขากำลังพูด คุณอาจมีอารมณ์โกรธขึ้นได้ตลอดเวลา ต้องคอยเตือนสติตัวเองเป็นช่วงๆ บอกกับตัวเองว่า เป้าหมายของการซักถามคือต้องการรู้ความจริง ไม่ใช่ความโกรธหรือการทะเลาะวิวาท เพราะถ้าไม่รู้ความจริง คุณย่อมตัดสินใจลำบากว่าจะทำอย่างไรต่อไป หากคุณสามารถผ่านด่านนี้ไปได้ด้วยการรับฟังเรื่องราวต่างๆอย่างสงบสุขุมเยือกเย็นจนหมดข้อสงสัย ทั้งคุณและเขาก็น่าจะหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกันได้

3.    ถามต่อไปว่า เขาจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร บอกกับตัวคุณเองตลอดเวลาว่า เขาเป็นคนสร้างปัญหา เขาก็ต้องเป็นคนแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ใช่คุณ สิ่งที่เขาจะพูดให้คุณฟังมีได้หลายลักษณะ  ผมขอยกตัวอย่างคำพูดที่ได้ยินบ่อยๆ ดังนี้
3.1    ไม่ได้มีอะไรกัน เป็นแค่เพื่อน
3.2    ไม่ได้รัก แต่เขาให้ก็เอา ไม่เห็นเสียหายตรงไหน
3.3    กำลังจะเลิกอยู่พอดี ขอเวลาหน่อย
3.4    รักทั้งสองคน อยู่กันไปอย่างนี้แหละ มีปัญญาเลี้ยงก็แล้วกัน
3.5    อย่างยุ่งเรื่องส่วนตัว
3.6    ฉันต้องการเลิกกับเธอ อยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่มีความสุข
            
             อาจจะมีเหตุผลหรือข้ออ้างอีกมากมาย แต่ความหมายมักไม่ต่างกัน ถึงตรงนี้ก็อยู่ที่คุณว่าจะเลือกตัดสินใจอย่างไร แน่นอนว่าแต่ละคนจะมีเหตุผลต่างกันไปตามเหตุปัจจัยที่ไม่เหมือนกัน เรื่องนี้ไม่มีสูตรสำเร็จ ประการสำคัญคือ ต้องมีการเจรจาต่อรองและตกลงกันให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเลือกอยู่ด้วยกันต่อไปหรือแยกทางกัน ไม่ควรตัดสินใจด้วยอารมณ์หรือเลือกวิธีผิดๆ เช่น ทำร้ายร่างกายกัน หรือถึงกับฆ่าแกงกัน ขอให้คิดเสียว่า ความผิดหวังเรื่องความรักเป็นเพียงอุบัติเหตุทางใจ ย่อมเกิดบาดแผลและความเจ็บปวดในช่วงแรก สิ่งที่คุณต้องทำคือ พยายามรักษาแผลใจให้หายเร็วที่สุด ไม่ใช่ขยายแผลให้ใหญ่ขึ้นจนยากจะเยียวยา คำกล่าวที่ว่า เวลารักษาแผลใจอาจช่วยคุณได้บ้างในยามนี้ นึกถึงมันทุกครั้งที่คุณรู้สึกท้อแท้หรือสิ้นหวัง

กลุ่มที่ 2 อารมณ์น้อยใจ, แค้น, เซ็ง, เบื่อ, เหงา, หดหู่, เศร้า
             อารมณ์เกิดจากความคิด ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่คุณยังไม่สามารถแก้ความคิดของตัวเองได้ อารมณ์เหล่านี้จะยังวนเวียนอยู่ในใจคุณตลอด เมื่อเกิดอารมณ์ก็ตามมาด้วยพฤติกรรม การปรับแก้วิธีคิดจึงเป็นหนทางเดียวที่จะพาตัวคุณออกจากวิกฤติทางอารมณ์ได้ เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยคุณได้นอกจากตัวคุณเอง ไม่ควรไปเชื่อคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง เช่น ให้แก้แค้นอย่างสาสม หรือยึดถือคติ ค่านิยมผิดๆ เช่น เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร, ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ เห็นๆกันอยู่ว่า ตายกันไปมากเท่าไหร่แล้ว บางทีการยอมเสียผัวแต่ทองยังอยู่อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ไม่มีความคิดเห็น: