วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ด้านมือของความรัก-ความหึงหวง(2)


ความกลัวทำให้เกิดความหึงหวงได้อย่างไร ?
                ความกลัว ถือเป็นรากเหง้าของความหึงหวง เป็นความกลัวการถูกทอดทิ้ง กลัวการอยู่คนเดียว กลัวความเจ็บปวดทางอารมณ์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน) กลัวว่าอนาคตจะขาดที่พึ่งยามแก่เฒ่า ความกลัวในลักษณะเช่นนี้เกิดได้กับทุกคน ต่างกันที่เนื้อหาและความรุนแรง ผู้ที่มีการนับถือตนเองต่ำ ขาดความมั่นใจในตนเอง ไม่มีจุดเด่นหรือความสามารถพิเศษอะไร มักจะขาดความมั่นใจในคนรัก เพราะระแวงว่าสักวันหนึ่ง เธอหรือเขาอาจพบคนที่ดีกว่า นอกจากนั้น อาจเกิดจากความกลัวที่เคยได้รับในในวัยเด็กซึ่งเกิดจากการถูกทอดทิ้ง (และยังคงอยู่ในจิตใต้สำนึก) หรือ กลัวความผิดหวังในแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วจากรักครั้งแรก (จากการถูกคนรักนอกใจ)

ความหึงหวงในคน
           หากคุณมีคนรักอยู่ในเวลานี้ หรือเคยมีมาก่อนก็ตาม เชื่อว่า คงมีสักครั้งหนึ่งที่คุณรู้สึกหึงหวงคนรักขึ้นมา เช่น เห็นคนรักกำลังพูดคุยกับเพื่อนต่างเพศอย่างสนิทสนมในระหว่างออกงานสังคม, กำลังติดต่อกับเพื่อนต่างเพศผ่านโทรศัพท์มือถือหรือ facebook ในขณะที่คุณนอนอยู่ข้างๆ ปฏิกิริยาหลังจากนั้นคงแตกต่างกันไปในแต่ละคู่  
            สำหรับคนที่สามารถควบคุมสติได้ดี มีความสุขุม ก็อาจมองข้าม shot ด้วยการตั้งคำถามกับตัวเองเกี่ยวกับความหึงหวง เช่น
  • คนที่ไม่หึงหวงมีหรือไม่ ถ้ามีจะหมายความว่าอย่างไรได้บ้าง
  • ความหึงหวงมีประโยชน์สำหรับชีวิตคู่หรือไม่
  • ความหึงหวงในคู่รักปกติควรมีลักษณะอย่างไร ทำอะไรได้แค่ไหน
  • ทำอย่างไรจึงจะควบคุมความหึงหวงให้อยู่ในระดับปกติ ไม่มากหรือน้อยเกินไป

             การที่จะเข้าใจเรื่องความหึงหวงได้ง่ายขึ้น จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ โรค หรือ ภาวะเสพติดรัก ด้วย (ผมหวังว่าจะได้มีโอกาสเผยแพร่ความรู้เรื่องนี้ในครั้งต่อไป) เพราะความรู้ทำให้เกิดปัญญา สามารถตั้งรับและแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม ประเด็นที่ขอเน้นย้ำกันตรงนี้ก็คือความจริงที่ว่า

จิตใต้สำนึกของคนเสพติดรักทุกคน  เต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวการถูกทอดทิ้ง
               
               ซึ่งความกลัวเช่นนี้เป็นต้นตอของความรู้สึกไม่มั่นคง คนรักของพวกเขาจึงเป็นเพียงหลักประกันของความมั่นคงทางจิตใจ พวกเขาจะมีความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคนรักอย่างมาก อันเนื่องมาจากความกลัวว่าจะสูญเสียคนรักไป
               
                คนเสพติดรักจึงเป็นคนที่หึงหวงอย่างรุนแรงโดยไม่ได้มี รักแท้ ต่อคนรักเลย
                ความหึงหวงของพวกเขาจัดอยู่ในระดับ ไม่ปกติ

นักวิชาการจึงกำหนดหลักเกณฑ์ในการจำแนกความหึงหวงในระดับ ผิดปกติ ออกจากระดับ ปกติ ดังนี้
  • มีความวิตกกังวลสูงมาก หมกมุ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับคนรักอยู่เกือบตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่คนรักไม่ได้อยู่ด้วย ซึ่งเทียบได้กับอาการวิตกกังวลต่อการถูกทอดทิ้ง(Separation anxiety) ในเด็กเล็กๆที่ต้องการให้แม่อยู่ด้วยตลอดเวลา พฤติกรรมที่พบบ่อยคือ การโทรศัพท์ตรวจสอบอย่างถี่ยิบว่าคนรักอยู่ที่ไหน อยู่กับใครในขณะที่คนรักอยู่นอกบ้าน (ต่างจากอาการหวาดระแวงที่พบในโรคจิตเภท), การตรวจเช็คโทรศัพท์มือถือคนรักว่าได้โทรฯไปหาใครบ้างในรอบ 24 ชั่วโมง, การซักไซ้คนรักอย่างละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ทำในช่วงเวลาที่น่าสงสัย รวมถึงการตรวจเช็คการติดต่อผ่านอุปกรณ์สื่อสารทันสมัยอื่นๆ 
  • ไม่มีสมาธิในการทำงานและทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน
  •  มีปัญหาทะเลาะวิวาทกับคนรักอยู่เป็นประจำอันเนื่องมาจากความสงสัยและหวาดระแวงว่าคนรักจะนอกใจ

สัตว์……มีความหึงหวงหรือไม่
               เราคงไม่สามารถทราบได้ว่า สัตว์มีความหึงหวงหรือไม่ หากพวกมันมีความหึงหวงจริงก็คงไม่อยู่ในระดับเดียวกับคน เพราะคนมีสมองที่สลับซับซ้อนกว่าทำให้มีความคิดและจินตนาการได้มากกว่า  สัตว์ตัวผู้ที่พ่ายแพ้ในศึกชิงนาง ก็เพียงบินหนี หรือวิ่งหนีไปหาคู่ตัวใหม่ ไม่เสียใจจนต้องบินด้วยความเร็วสูงพุ่งชนหน้าผาคอหักตาย หรือกระโจนลงแม่น้ำเชี่ยวกรากดับชีพตัวเองอย่างแน่นอน ในเรื่องนี้มีนักวิชาการหลายท่านได้ทำการศึกษาไว้ และพบว่า มีสัตว์หลายสายพันธุ์ที่ตัวผู้กับตัวเมียมีพฤติกรรมแสดงความเป็นเจ้าของคู่มันอย่างชัดเจน เช่น ชะนีตัวผู้จะขับไล่ตัวผู้อื่นๆออกจากอาณาเขตครอบครัวของมัน ส่วนตัวเมียก็จะขับไล่ตัวเมียอื่นๆเช่นกัน การศึกษาอีกกรณีหนึ่งทำในลิงชิมแพนซี ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีโครโมโซมใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุด โดยการสังเกตพฤติกรรมเพศสัมพันธ์ของมัน พบว่า ครั้งหนึ่งขณะที่ลิงชิมแพนซีตัวเมีย (ที่มีลูกในวัยสาว) กำลังมีท่าทีเชิญชวนลิงหนุ่มตัวหนึ่งให้มีเพศสัมพันธ์กับมัน แต่ลิงหนุ่มตัวนั้นไม่สนใจ กลับเข้าหาลูกสาวและทำท่าจะร่วมเพศ แม่ลิงรีบตรงเข้าหาลิงหนุ่มตัวนั้นและทุบตีอย่างแรง (ด้วยความหึงหวง ?)
                 
               อีกการทดลองหนึ่งที่ทำในนกภูเขาชนิดหนึ่งโดย Dr. David P. Barash นักชีววิทยาวิวัฒนาการ (Evolutionary biologist) และศาสตราจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาใช้นกตัวผู้ที่สตัฟฟ์ (stuffed) ไว้วางใกล้ๆรังนกตัวผู้ซึ่งเป็นเจ้าของรัง เมื่อเจ้าของรังบินกลับมาเห็นเข้าก็ส่งเสียงร้องอย่างดัง และตรงเข้าจิกงับนกสตัฟฟ์ตัวนั้นอย่างแรง ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ มันยังตรงเข้าทำร้ายคู่ของมันด้วยการจิกและดึงทึ้งขนเส้นสำคัญๆบริเวณปีกจนหลุดออกมา จนในที่สุดเธอต้องบินหนีไป
               นกตัวผู้ตัวนี้ทำไปเพราะความหึงหวงหรือไม่?
               แต่ เพียงอีกสองวันต่อมา ตัวเมียตัวใหม่ก็เข้ามาแทนที่…………… ดูช่างคล้ายกับพฤติกรรมของสัตว์ประเสริฐตัวผู้บางส่วนเสียจริงๆ

สรุป
               คุณอาจสงสัยว่า ความหึงหวงคนรักของมนุษย์เป็นสัญชาติญาณ หรือการเรียนรู้กันแน่ สัตว์ตัวผู้บางสายพันธุ์เช่น สิงโต ช้าง ต้องต่อสู้กับตัวผู้อื่นๆเพราะต้องการเป็นเจ้าของตัวเมียทั้งฝูง ในขณะที่สัตว์บางสายพันธุ์ เช่น นกกระเรียน นกเงือก หนู Prairie vole (ได้เคยกล่าวไว้ในบทก่อนๆ) เป็นประเภทรักเดียวใจเดียวชั่วชีวิต  ความรู้เกี่ยวกับสารสื่อประสาทและการทำงานของสมองที่แตกต่างกันนั้น เพียงพอหรือไม่สำหรับการอธิบายความแตกต่างของพฤติกรรมการผสมพันธุ์ของสัตว์ต่างสายพันธ์ เราไม่รู้ว่าพวกมันคิดหรือมีแรงจูงใจต่างกันหรือไม่และอย่างไร เหมือนหรือแตกต่างไปจากมนุษย์หรือไม่ ส่วนมนุษย์เองนั้นคิดเหมือนหรือต่างไปจากพวกมันหรือไม่  ทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีว่า
                มนุษย์....................... มีหลายสายพันธุ์ เช่นกันหรือเปล่า ?

หัวข้อต่อไปน่าสนใจมากๆ เพราะคนส่วนใหญ่ทำผิดกันอยู่ทุกวี่วันโดยไม่รู้ตัว ลองติดตามดูนะครับ

2 ความคิดเห็น:

Nokonary กล่าวว่า...

ฉันบังเอิญเปิดมาเจอบล็อคนี้ อ่านมาถึงตรงนี้ ก็ยังมีความสนใจอยากรู้เกี่ยวกับความรักอยู่ แต่ความรู้สึกผิดหวังนี่มันเอ่อล้นมากค่ะ รู้สึกหดหู่กับข้อเท็จจริงที่ได้รับ จนไม่อยากจะเปิดรับใครอีกแล้ว รู้สึกกลัวการมีความรัก

Wilasinee กล่าวว่า...

เพิ่งมาอ่านเจอ คุณหมอคะดิฉันมีความหึงหวงในระดับ ผิดปกติค่ะ ตรงตามหลักเกณฑ์ที่จำแนกแยก ออกมาทุกข้อเลย ดิฉันควรทำอย่างไรคะ