วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ผู้หญิงกับผู้ชาย คิดไม่เหมือนกัน (2)


                  เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในชีวิตคู่  ฝ่ายชายมักใช้วิธีแก้ไขด้วยเหตุผล เป็นขั้นเป็นตอน เน้นความรวดเร็ว กล้าเสี่ยง กล้าตัดสินใจ ในขณะที่ฝ่ายหญิงต้องการคำอธิบาย การรับฟังและความเข้าใจในความรู้สึกของเธอจากฝ่ายชาย ความเป็นจริงที่เราพบเห็นกันในสังคมเวลาเกิดการนอกใจกันก็คือ หากฝ่ายชายนอกใจ น้อยครั้งที่ฝ่ายหญิงจะขอหย่าขาดจากฝ่ายชาย แต่จะพยายามทำให้ฝ่ายชายเปลี่ยนใจเลิกคบหากับหญิงอื่น (ไม่ยักกะเรียกว่า หญิงชู้) แล้วกลับมาอยู่ด้วยกันในแบบเดิมอีกครั้งหนึ่ง ทุกอย่างทางบ้านให้อภัยหมด ในทางกลับกัน หากฝ่ายหญิงนอกใจ ฝ่ายชายมักใช้วิธีการรุนแรง เช่น ทำร้ายร่างกาย บ่อยครั้งที่ถึงกับฆ่ากันตาย สังคมกลับซ้ำเติมฝ่ายหญิง โดยใช้คำว่า มีชู้ ซึ่งมีความหมายในเชิงประณามอย่างเสียหาย ทั้งๆที่เป็นพฤติกรรมเดียวกัน คำอธิบายในเรื่องนี้มีได้หลายทาง ที่สำคัญที่สุดก็คือ ค่านิยมการเอารัดเอาเปรียบทางเพศ ที่สอดแทรกอยู่ในวรรณคดีไทยบางเรื่อง รวมถึงความหย่อนยานของการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่สามารถบังคับฝ่ายชายให้รับผิดชอบค่าเลี้ยงดูฝ่ายที่เสียหายได้ในแบบที่ควรจะเป็น
                   
                  คุณสมบัติของสมองผู้หญิงอีกประการหนึ่งที่สวรรค์ประทานให้ก็คือ พวกเธอมีสมองส่วนความจำด้านอารมณ์ (Emotional memory part) ขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย จึงสามารถจดจำรายละเอียดต่างๆในช่วงรักกันใหม่ๆได้มากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำสัญญาทั้งหมด
                  ยังครับ ยังไม่หมด ผลตรวจการทำงานของสมองด้วยเครื่องมือเฉพาะ พบว่า สมองของผู้หญิงมีการทำงานในส่วนที่เกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกรักใคร่ผูกพันมากกว่าผู้ชาย  ส่วนสมองของผู้ชายมีการทำงานของสมองส่วนซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับความรู้สึกและการตอบสมองอารมณ์ทางเพศมากกว่าผู้หญิง……………………….เจอแล้วครับ ข้อมูลทางวิชาการที่น่าเชื่อถือสำหรับท่านชาย
                   การศึกษาหนึ่งของ Ruber Gur ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความแตกต่างของสมองสองเพศ พบว่า
                   ในขณะที่สมองอยู่ในระยะพัก สมองของผู้ชาย 70 % หยุดทำงาน แต่สมองของผู้หญิง 90 % ยังคงทำงานอยู่ ………………พวกเธอจึงมักต้องการพูดในเวลาที่คุณต้องการพัก
                   
               2. ฮอร์โมน  สำหรับทารกเพศชายสามารถตรวจพบฮอร์โมนเพศชายคือ Testosterone ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เมื่ออายุประมาณ 20 ปี ระดับฮอร์โมนตัวนี้จะสูงเป็น 20 เท่าของผู้หญิงในวัยเดียวกัน อย่าลืมว่า ผู้หญิงก็มีฮอร์โมนตัวนี้ด้วย ฮอร์โมนเพศชายนี้มีหน้าที่หลายอย่างนอกจากเป็นตัวกระตุ้นการเจริญเติบโตของอวัยวะเพศและลักษณะของเพศชายต่างๆ เช่น หนวดเครา กล้ามเนื้อ โครงกระดูกที่มีขนาดใหญ่กว่าเพศหญิง เสียงใหญ่ห้าว  ที่สำคัญคือ อุปนิสัยประจำเพศ ได้แก่ ความก้าวร้าวรุนแรง มุทะลุดุดัน ชอบใช้กำลัง ชอบโลดโผนผจญภัย ชอบความตื่นเต้น ความเสี่ยงและท้าทาย ชอบเสียงดังๆ ชอบการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่ชอบอยู่ที่เดียวนานๆ
 ผู้ชายจึงไม่ค่อยชอบอยู่บ้าน……………….ได้ข้ออ้างทางวิชาการอีกข้อหนึ่งแล้วครับท่านชาย!
              
                ส่วนฮอร์โมนเพศหญิง นอกจากหน้าที่โดยตรงด้านการกำหนดลักษณะทางกายภาพประจำเพศแล้ว ไม่มีหลักฐานชัดเจนในเรื่องบทบาททางอารมณ์  การที่เพศหญิงไม่มีนิสัยก้าวร้าวและอื่นๆเหมือนเพศชาย อาจเกิดจากการมีฮอร์โมนเพศชายในปริมาณที่น้อยกว่ามากๆ ร่วมกับกระบวนการเรียนรู้ผ่านทางการเลี้ยงดูและบทบาทที่สังคมกำหนดให้
               ฮอร์โมน Estrogen ยังมีส่วนช่วยประสานการทำงานของเซลประสาททั้งในสมองซีกเดียวกันและเชื่อมระหว่างสองซีกอีกด้วย
                
                ท่านชายทั้งหลายครับ เรามาพร้อมใจยอมจำนนด้วยหลักฐานทางวิชาการกันดีไหม ผมเองไม่คิดว่าเป็นการเสียศักดิ์ศรีอะไร เพราะโดยส่วนตัวไม่ชอบคำนี้เอามากๆ เหตุเพราะหากเราต้องการรักษาศักดิ์ศรีของเราโดยการเอามันมาจากคนอื่น เราจะเรียกการกระทำนี้ว่า มีศักดิ์ศรี ได้อย่างไร ผมกลับมองเห็นแต่ผลดีที่ว่ามันเป็นการส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีให้แก่คนที่เรารัก ซึ่งผลดีก็จะย้อนมาหาเราในที่สุดยังไงล่ะครับ

ต่อไปนี้เป็นคำถาม ที่คุณอยากรู้คำตอบมานานแสนนาน

คำถาม   คุณรู้ไหมว่า เหตุใดผู้หญิงจึงพูดด้วยจำนวนคำที่เยอะกว่าผู้ชายในเวลาเท่ากัน
คำตอบ  ก็เพราะเธอฝึกพูดมาตั้งแต่เป็นทารกนะซีครับ  นักวิชาการเขาค้นพบว่า ทารกเพศหญิง ยิ้มและส่งเสียงอ้อแอ้ชวนคุยมากกว่าทารกเพศชาย ไม่นานพวกเธอก็พูดคำแรกได้ก่อน ต่อมาใช้คำศัพท์ได้มากกว่า โตขึ้นเรียนภาษาก็เก่งกว่า แปลกนิดหน่อยตอนจีบกันทำไมพูดน้อย ……. เลยทำให้ดูน่ารัก แต่พวกเธอไปชดเชยอีกทีอีตอนแต่งงานกันไปแล้ว หลังจากนั้นปริมาณคำพูดก็มักจะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนโดยตรงกับวัยวุฒิของพวกเธอ………ตรงนี้ยังไม่มีนักวิชาการศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง คงเป็นเพราะพวกเราผู้ชายอีกนั่นแหละที่ขยันทำตัวให้น่าบ่น หากทำตัวเรียบร้อยขึ้นสักหน่อย พวกเธอก็คงจะบ่นน้อยลง แล้วความน่ารักของเธอก็จะกลับมาให้เราชื่นชมอีกครั้งหนึ่ง ....... เหมือนที่เคยเป็นมาแล้วเมื่อกาลครั้งหนึ่ง

เรื่องราวในบทต่อจากนี้ไปจะมีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ เพราะจะเริ่มเจาะลึก ทะลุทะลวงกันถึงก้นบึ้งของหัวใจอย่างชนิดไม่เกรงใจกัน แต่ก็ด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ เพราะไม่อยากเห็นความสูญเสียชีวิตอันเนื่องมาจากความผิดหวังในเรื่อง ความรัก ที่เกิดขึ้นซ้ำๆซากๆในสังคมไทยทุกวันนี้อีกต่อไป สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ คนส่วนใหญ่ของสังคมมีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมทั้งต้องมีทัศนคติที่ถูกต้องในเรื่องนี้ และพร้อมใจกันเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสังคมที่ไม่เหมาะสมไปสู่สังคมที่มีอารยะมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ เพื่อชีวิตที่ปลอดภัยและมีความสุขของลูกหลานท่านเอง

ไม่มีความคิดเห็น: