วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

ความหมายของรูปสามเหลี่ยมแห่งรัก (1)


ความหมายของสามเหลี่ยมแห่งรัก
Dr. Sternberg ได้ให้ความหมายของสามเหลี่ยมแห่งรักไว้อย่างลึกซึ้ง ดังนี้
     1.   ขนาดของสามเหลี่ยม แสดงถึง ปริมาณ ของความรัก คือ สามเหลี่ยมขนาดเล็ก แสดงถึงความรักน้อย สามเหลี่ยมขนาดใหญ่แสดงถึงความรักมาก 



             2.    รูปร่าง ของสามเหลี่ยมแสดงถึง ความคิด อารมณ์ความรู้สึกและพฤติกรรม ของคนรักแต่ละคนที่มีต่อคนรักของตน 
            รูปสามเหลี่ยมต่อไปนี้แสดงถึงสัดส่วนขององค์ประกอบหลักทั้งสาม คือ ความเสน่หา ความผูกพัน และ คำมั่นสัญญา รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า (แสดงด้วยสีม่วง) หมายถึง ความรักที่มีสัดส่วนขององค์ประกอบทั้งสามในสัดส่วนเท่าๆกัน ถือว่าเป็นความรักต้นแบบ ส่วนสามเหลี่ยมรูปร่างอื่นๆ(แสดงด้วยสีเขียว) หมายถึง ความรักที่มีองค์ประกอบหลักทั้งสามในสัดส่วนที่ต่างกัน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยมีปัจจัยกระตุ้นต่างกันไปในคู่รักแต่ละราย
            สัดส่วนขององค์ประกอบที่แตกต่างกันนี้ ทำให้เกิดรูปแบบของความรักได้อีกหลายแบบ คือ
      1. รักแบบหลงใหลเสน่หา (Passionate love) ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายมีความต้องการเรื่องตัณหาราคะ หรือความสุขทางเพศมากกว่าเรื่องอื่น เป็นความรักที่เกิดจากแรงขับตามธรรมชาติ เป็นความรู้สึกเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในสัตว์ ต่างกันตรงที่ว่า สัตว์ไม่มีความรู้สึกผูกพัน ยกเว้นในบางสายพันธุ์ที่นักวิชาการได้ศึกษาวิจัยจนสามารถยืนยันแล้วว่า พวกมันก็มีความรักความผูกพันและอยู่กันแบบผัวเดียวเมียเดียวตลอดอายุขัย เช่น นกเงือก นกกระเรียน นกเพนกวิน สัตว์ตระกูลหนูชื่อ Prairie vole ฯลฯ
     2.  รักสมดุล มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า มีสัดส่วนทั้งสามองค์ประกอบพอๆกัน
3. เสน่หาเจือจาง คู่รักมีเพศสัมพันธ์ลดลงอันเนื่องมาจากภาระหน้าที่เพิ่มมากขึ้น อาจเป็นเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่าย หากเกิดขึ้นฝ่ายเดียวก็อาจทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเกิดปัญหาทางอารมณ์ ถ้าระดับคุณธรรมศีลธรรมไม่เข้มแข็ง ก็อาจนำไปสู่พฤติกรรมเสื่อมเสียได้ เช่น การนอกใจคู่สมรส ในปัจจุบันการมีกิ๊กอาจถือได้ว่าเป็นรูปแบหนึ่งของการนอกใจ ไม่ต่างกับการเป็นชู้ทางใจ ซึ่งเมื่อปล่อยให้เหตุการณ์ของการคบหาดำเนินต่อไป ก็อาจจบลงด้วยการมีเพศสัมพันธ์ในที่สุด
4.    รักเอื้ออาธร เป็นรักของผู้สูงอายุ เกิดจากความผูกพันกันมาอย่างยาวนาน มีความต้องการที่จะดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน มีความรู้สึกว่าต้องช่วยเหลือกันเพราะต่างยึดมั่นในคำมั่นสัญญาในวัยหนุ่มสาว เป็นความรักแบบที่เรียกกันว่า รักกันจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ซึ่งหาได้ยากขึ้นในปัจจุบัน
                      
                       สามเหลี่ยมแห่งรักนี้ Dr. Sternberg อธิบายว่า นอกจากจะหมายถึง ความรู้สึกที่เรามีต่อคนรักแล้ว ยังหมายถึงความรักที่คนรักมีต่อเราด้วย ที่กล่าวมาข้างต้นนี้จึงถือเป็นภาพรวมของความรักระหว่างคนรักทั้งสองคนที่จะต้องได้สัดส่วนกัน เมื่อนำมาวางซ้อนกันไม่ควรจะมีความขาดหรือเกินกันไปในมุมหนึ่งมุมใดหรือหลายมุมในปริมาณที่มากเกินไป ดังนั้น การที่ความรักจะพัฒนาไปจนถึงขั้นสูงสุดได้นั้น จึงจำเป็นที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องมีความสอดคล้องกันในรูปแบบของความรักด้วย หากยึดถือเอารูปสามเหลี่ยมแห่งรักของ Sternberg นี้เป็นหลัก ก็จะทำให้สามารถสำรวจความรักของตนเองและของคนรักได้อย่างเป็นรูปธรรมได้ง่ายขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น: