วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

ทฤษฎีว่าด้วยความรัก (1)


วันนี้ผมขอเริ่มบทใหม่ที่น่าสนใจมากและมีเนื้อหาที่คิดว่าหลายๆท่านไม่เคยทราบมาก่อน คือ ทฤษฎีว่าด้วยความรัก
ความรัก มีทฤษฎี !? ………….อะไรกันนักหนา………. หลายท่านเริ่มไม่พอใจ

ใช่แล้วครับ…..มันมีทฤษฎีรองรับมากมายเกินกว่าที่เราเคยรู้กันมา
แต่เป็นเพราะพวกเราเกือบทุกคนไม่เคยสนใจ ไม่ไขว่คว้าหาความรู้เพิ่มเติมให้เพียงพอก่อนที่จะริรัก นึกว่ามันเป็นเรื่องง่าย เป็นเรื่องของสามัญสำนึก พอกระโจนขึ้นเวทีรักก็ไม่ยอมเสียเวลาไหว้ครูอุ่นเครื่องก่อน เหวี่ยงหมัดชกลมแบบมวยทะเลผสมมวยวัด เลยโดนหมัดสวนกลับโป้งเดียวจอดหามลงเวทีหมดอนาคตไป

เพราะฉะนั้น จากนี้ไป ถึงเวลาแล้วที่ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคม จะต้องเร่งหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อปรับมาตรฐานทางความรู้ ความคิด ทัศนคติ ค่านิยม ความเชื่อเกี่ยวกับความรักให้ใกล้เคียงกัน จะได้พอพูดกันรู้เรื่อง คนเราเมื่อพูดกันด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์ก็จะแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น หากยังคงปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนี้กันต่อไป ก็เป็นอันเชื่อได้แน่ว่า ปัญหาเรื่องคนอกหัก รักคุดแล้วฆ่าตัวตาย ฆ่ากันตายจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดปัญหาสังคมอื่นๆตามมาอีกมาก  ท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาสได้รับความรู้เรื่องรักๆใคร่ๆจาก blog นี้ ซึ่งผมหวังว่าท่านเองจะได้รับประโยชน์ตามสมควร อย่างน้อยที่สุดก็เหมือนมีโค้ชประจำตัว ต่อไปเรื่องรักใครชอบใครก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับท่านอย่างที่เคยเป็นมา อย่างไรก็ตาม ต้องมีความตระหนักว่า
              ความรักไม่เคยง่าย หากง่ายจนผิดปกตินั่นย่อมไม่ใช่ความรัก
                 แต่เป็นความหลง ซึ่งเมื่อใครหลงเข้าไป ก็หาทางออกไม่เจอ
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

ทฤษฎีว่าด้วยความรัก (Theories of Love)
           ในกลุ่มนักวิชาการที่ทำการศึกษาวิจัยในหัวข้อนี้ที่โดดเด่นเห็นจะไม่มีใครเกิน Dr. Robert Sternberg นักจิตวิทยาชาวอเมริกันแห่งมหาวิทยาลัยทัฟส์ (Tufts University) ทั้งนี้เพราะแนวคิดของท่านได้รับการอ้างถึงอยู่เสมอในแวดวงนักวิชาการ ประกอบกับเป็นแนวคิดที่เข้าใจง่ายเป็นเหตุเป็นผลดี โดยท่านได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับความรักไว้ในปี ค.. 1986 ดังนี้
ความรัก มี 3 องค์ประกอบหลัก คือ
1.    ความเสน่หา (Passion) หมายถึง ความหลงใหลในเสน่ห์ทางเพศ (sex appeal) มีความรู้สึกพึงพอใจในเรือนร่าง หน้าตา ผิวพรรณ ทรวดทรงองค์เอว และลักษณะทางเพศอื่นๆ รวมไปถึงจริตกิริยามารยาท น้ำเสียง รู้สึกเย้ายวนรัญจวนใจ กระทั่งตกหลุมรักในที่สุด เกิดแรงขับที่จะทำความรู้จักและสร้างสัมพันธภาพกันต่อไป เป็นแรงปรารถนาอันเกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศทั้งหญิงและชาย เริ่มตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นตอนปลายต่อเนื่องไปถึงช่วงอายุระหว่าง 20-35 ปี ความสัมพันธ์ที่มีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องด้วยดีทำให้เกิดความสนิทสนมไว้วางใจกัน และกระตุ้นให้มีแรงปรารถนาทางเพศต่อกัน ซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสีย ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ เช่น ความเชื่อ ค่านิยม ทัศนคติ และการยอมรับ ที่สำคัญคือ ความจริงใจต่อกัน

2.    ความผูกพัน (Intimacy) หมายถึง ความผูกพันอันเกิดจากความใกล้ชิดสนิทสนมในฐานะคนรัก (แฟน) หรือคู่ครอง(ภรรยา-สามี) มาระยะหนึ่ง มีความอบอุ่นมั่นคงทางใจอันเกิดจากความเข้าใจและไว้วางใจกัน ทำให้ต้องการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันต่อไป

        ก่อนหน้านั้น 2 ปี คือ ในปี ค..1984 ท่านและเพื่อนร่วมงานชื่อ Grajek ได้กำหนดคุณลักษณะของ ความกพัน เอาไว้ 10 ประการ คือ
1.  มีความปรารถนาที่จะทำให้คนรักมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
2. ได้ผ่านห้วงเวลาแห่งรัก (รักแรกพบ หลงรัก การเกี้ยวพาราสี การคบหาในแบบคู่รัก) กับคนรักมาก่อน
3.  รู้สึกห่วงใยและคำนึงถึงความรู้สึกของคนรักอย่างมาก
4.  เป็นที่พึ่งได้ในยามที่คนรักต้องการ
5.  มีความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี
6.  สามารถแบ่งปันทรัพย์สมบัติต่างๆรวมทั้งความทุกข์-สุขร่วมกับคนรักได้
7.  ได้รับการปลอบประโลมใจและกำลังใจจากคนรัก
8.  ให้การปลอบประโลมใจและกำลังใจต่อคนรัก
9.  พูดคุยสื่อสารกับคนรักได้อย่างลึกซึ้งและจริงใจ
10. เห็นคุณค่าในตัวคนรัก

3.   การตัดสินใจ (Decision) และการให้คำมั่นสัญญา (Commitment) เมื่อเราเริ่มรู้สึกรักใครสักคนมาถึงจุดหนึ่งเราต้องตัดสินใจว่า จะทำอย่างไรต่อไป Dr. Sternberg ได้แบ่งช่วงเวลาของการตัดสินใจออกเป็น 2 ช่วง คือ
1.    ช่วงแรก ในขณะที่เรากำลังตกหลุมรักในระยะแรกๆนั้น เราจะรู้สึกไม่มั่นคง เกรงว่าคนที่เรารักจะไปรักคนอื่น หรือมีใครมาแย่งคนรักไป จึงต้องรีบตัดสินใจ (Decision) ลงไปว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ หากตัดสินใจเดนหน้าต่อจนเกิดการพัฒนาเป็นที่น่าพอใจ ก็จะเข้าสู่ช่วงที่ 2 ต่อไป
2.     ช่วงที่ 2 เมื่อต่างฝ่ายต่างมีความต้องการตรงกัน โหยหาชีวิตคู่ร่วมกัน ก็จะมีการให้คำมั่นสัญญาต่อกัน (Commitment) และดำเนินการตามกฎเกณฑ์ทางสังคมต่อไป คือ การแต่งงาน
                      อนึ่ง ความสำคัญขององค์ประกอบทั้ง 3 นี้ จะแตกต่างกันไปในคู่รักแต่ละราย หรือแม้แต่ในคู่รักเดิมเมื่อเวลาผ่านไป

ไม่มีความคิดเห็น: