วิธีสร้างดุลแห่งอำนาจระหว่างคู่รัก
ไม่่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ๆเช่นนี้ในระดับสังคม
แต่เมื่อพิจารณาถึงผลดีที่จะเกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ในระยะยาวแล้ว
นับเป็นเรื่องน่าท้าทายที่สมควรผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ด้วยการที่ทุกคนต้องปรับเปลี่ยนไปพร้อมๆกันในเรื่องต่อไปนี้
1. ยอมรับว่า
การใช้อำนาจระหว่างคู่รักนั้นมีอยู่จริงในสังคมและอาจจะมีอยู่ในครอบครัวของท่านเอง
2. ตระหนักถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากใช้อำนาจอย่างไม่ถูกต้อง
3. ยอมรับให้ได้ว่า คนทุกคนมีความเท่าเทียมกันในแง่ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย คำว่า “ ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
” ไม่ควรมีการนำมาใช้ในทุกโอกาส เพราะคำๆนี้มีนัยแห่งความคิดเหยียดเพศหญิงอยู่ในที
ถึงแม้ส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีผู้ชายต่อผู้ชายด้วยกันเวลาที่รู้สึกไม่พอใจกัน
หรือก่อนจะมีเรื่องกัน อีกคำหนึ่งคือคำว่า “ ลูกผู้ชายฆ่าได้
หยามไม่ได้ ” หากยังยอมรับคำพูดในทำนองนี้กันอยู่ต่อไป
หมายความว่า สังคมไทยคิดว่า “ ผู้หญิงไม่มีศักดิ์ศรี
” ใช่ไหม มีใครเคยได้ยินคำว่า “ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง”
กันบ้างไหม เวลาที่ผู้หญิงจะตบกัน พวกเธอกู่ก้องร้องตะโกนว่า “
ลูกผู้หญิงฆ่าได้ หยามไม่ได้ ” หรือเปล่า ในมุมมองของผู้ชาย “ลูกผู้หญิง
ฆ่าได้ หยามได้”กระนั้นหรือ หากยังไม่สามารถแก้ไขทัศนคติที่กดขี่ทางเพศเช่นนี้ออกไปจากสังคมไทย
เราทุกคนก็ต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกันต่อไป ใครจะแน่ใจได้บ้างว่า สักวันหนึ่ง
เรื่องราวร้ายๆเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเราเอง หรือกับลูกหลานของเราที่เป็น…………………..ลูกผู้หญิง
โฉมหน้าใหม่ของการใช้อำนาจสำหรับชีวิตคู่
เมื่อได้เรียนรู้ถึงพลังของ “อำนาจ” เช่นนี้แล้ว
คู่รักทั้งหลายจึงควรมีความตระหนักในเรื่องการใช้อำนาจของตนเองอย่างสมดุล เริ่มจากการทบทวน ความเชื่อดั้งเดิม ซึ่งเป็นตัวกำหนด
ทัศนคติและค่านิยมผิดๆกันอย่างจริงจังในเรื่องบทบาทหน้าที่ของภรรยาและสามี เพื่อให้มีการแบ่งอำนาจและหน้าที่อย่างเหมาะสม
ตระหนักและยอมรับความจริงที่ว่า “มนุษย์ทุกคนต้องการเสรีภาพและความเสมอภาค” หากเลือกเกิดได้ ไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นทาส บ่าว ไพร่ เป็นลูกน้อง
ลูกจ้าง ลิ่วล้อคนอื่น เพราะคนทุกคนรู้สึกถึงความมีศักดิ์ศรีในความเป็นคนของตนเองทั้งสิ้น
ในชีวิตครอบครัวจึงมีเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ฝ่ายหนึ่งต้องการมีอำนาจเหนืออีกฝ่ายหนึ่ง
นั่นก็คือ ความรู้สึกไม่มั่นคง กลัวไม่ได้รับการยอมรับ
กลัวการถูกทอดทิ้ง ซึ่งเกิดจากบาดแผลทางใจในวัยเด็กของผู้ใช้อำนาจนั่นเอง
ปัญหาสังคมทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นจากครอบครัว
การเรียนรู้การใช้อำนาจอย่างผิดๆในวัยเด็กเป็นสาเหตุของการใช้อำนาจอย่างผิดๆในโรงเรียน, ในวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย (การใช้อำนาจของรุ่นพี่ในพิธีรับน้องใหม่ที่ทำกันจนเป็นประเพณี
ซึ่งบางสถาบันทำกันแบบถ่อยเถื่อนจนทำให้นักศึกษาส่วนหนึ่งต้องลาออกไป
ที่ร้ายแรงที่สุดคือ การสูญเสียชีวิตที่เกิดขึ้นแทบทุกปี), ในที่ทำงาน-ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง, ในหน่วยงานราชการ-ระหว่างประชาชนกับข้าราชการที่มีความคิดล้าหลัง,
ในห้องอาหาร-ระหว่างลูกค้าที่ปฏิบัติต่อพนักงานอย่างไม่ให้เกียรติ
หรือ บนท้องถนนที่คนขับบางรายแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวพร้อมมีเรื่องกับทุกคน (ยกเว้นกับทหารและตำรวจส่วนหนึ่ง-ซึ่งพฤติกรรมสั่งสมจากอดีตทำให้คนไทยส่วนใหญ่คิดว่าพวกเขามีอำนาจมากกว่า) จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการแสดงอำนาจของคนในสังคมทุกวันนี้
ตราบใดที่ยังไม่มีการแก้ไข ระบบอำนาจในครอบครัว เป็นอันดับแรก
“เมื่อท่านแบ่งปันอำนาจอย่างสมดุลกับคนรัก
อำนาจในตัวท่านจะเพิ่มขึ้น
หากต่างฝ่ายต่างแก่งแย่งกัน อำนาจนั้นจะไม่เหลือให้ใครเลย”
แล้วยังจะใช้อำนาจกันอยู่ทำไม…….กับคนที่คุณรัก
บทต่อไป ขอเชิญท่านพบกับ "กิ๊ก" ได้แล้วครับ