4. วาโซเพรสซิน (Vasopressin)
เป็นสารเคมีที่หลั่งออกจากสมองส่วนที่เรียกว่า
ไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) แล้วถูกลำเลียงไปสร้างเป็นฮอร์โมนเต็มตัวที่สมองส่วน
pituitary มีฤทธิ์ยับยั้งการขับปัสสาวะของไต
ขณะเดียวกันก็มีบทบาทต่อความรักและความรู้สึกผูกพันในระยะยาวด้วย จะถูกหลั่งออกมาหลังการมีเพศสัมพันธ์ทั้งสองเพศ
นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาผลของฮอร์โมนตัวนี้ที่มีต่อสัมพันธภาพระยะยาวโดยทำการทดลองในหนู
Prairie
voles ซึ่งได้กล่าวไว้ในบทก่อนว่าโดยธรรมชาติของมันจะมีคู่ครองเพียงตัวเดียว
(monogamy) ปกติมันจะมีการร่วมเพศกับคู่ของมันถี่มาก
ตัวผู้จะมีพฤติกรรมปกป้องตัวเมียเวลามีตัวผู้อื่นมารบกวน
เมื่อตัวผู้ได้รับยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการออกฤทธิ์ของ Vasopressin ความรู้สึกผูกพันต่อคู่ของมันจะยุติลงทันที
ไม่มีพฤติกรรมหวงคู่ของมันและไม่พยายามที่จะปกป้องคู่ของมันจากตัวผู้อื่นอีกต่อไป
แต่จะไปร่วมเพศกับตัวเมียอื่นๆเรื่อยไปเช่นเดียวกับสัตว์ส่วนใหญ่
5. เซโรโทนิน (Serotonin)
เป็นสารเคมีที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง
สร้างขึ้นที่สมองส่วนกลาง (mid
brain) และ ก้านสมอง (brain stem) ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับ
ความปรารถนาทางเพศ (sexual
desire)
ความรู้สึกพึงพอใจและสุขใจอย่างมากหลังบรรลุจุดสุดยอดทางเพศ
โดยมีการทำงานประสานกับ dopamine อย่างใกล้ชิด
เนื่องจากมีการค้นพบก่อนหน้านี้ว่า
ในผู้ป่วยโรคประสาทชนิด “ย้ำคิดย้ำทำ” มีระดับสารตัวนี้ในสมองน้อยกว่าปกติ
ประกอบกับคนที่กำลังตกหลุมรักในช่วงต้นๆมักมีอาการย้ำคิดถึงคนรักอยู่ตลอดเวลา
ทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นว่า
คนสองกลุ่มนี้มีกระบวนการทำงานของสมองที่คล้ายคลึงกันหรือไม่
เพราะมีความหมกมุ่นครุ่นคิดถึงเรื่องหนึ่งเรื่องใดอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งมีแรงผลักดันให้กระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อตอบสนองแรงผลักดันนั้น
หากไม่สามารถทำได้จะเกิดความตึงเครียดสูง กระวนกระวายอยู่ไม่เป็นสุข เมื่อได้ทำสิ่งนั้นลงไปก็จะเกิดความสุข
ปลอดโปร่งโล่งใจ แต่จากนั้นไม่นานก็จะเกิดแรงปรารถนาที่จะกระทำเรื่องเดิมนั้นอีก
เป็นการกระทำซ้ำๆเช่นนี้เรื่อยไป
การทดลองที่แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอย่างชัดเจนกระทำโดย Dr. Donatella
Marazzati จิตแพทย์
แห่งมหาวิทยาลัย Pisa ประเทศ อิตาลี
โดยการเจาะเลือดในคู่รักใหม่ที่เพิ่งมีความรักกันมาไม่เกิน 6 เดือน พบว่า ระดับสาร Serotonin ในเลือดของพวกเขามีระดับต่ำกว่าปกติ
และอยู่ในระดับพอๆกับที่พบในผู้ป่วยโรคประสาทย้ำคิดย้ำทำ สอดคล้องกับงานวิจัยที่ University College
London ประเทศอังกฤษ การค้นพบนี้จึงเป็นคำอธิบายได้อย่างดีว่า
ทำไมคนที่กำลังมีความรัก จึงมีพฤติกรรมย้ำคิดถึงแต่คนรัก และย้ำทำ คืออยากไปพบ
พูดคุยกัน มีกิจกรรมต่างๆด้วยกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
6. อะดรีนาลีน (Adrenaline)
ผลิตและหลั่งออกมาจากต่อมหมวกไต
เข้าสู่กระแสเลือดแล้วกระจายไปทั่วร่างกาย
เป็นสารนำกระแสประสาทที่มีบทบาทกว้างขวางมากต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
ทำให้เกิดการตื่นตัวต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวและมีการรับรู้ต่อสิ่งเร้าต่างๆ มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วขึ้น และความดันโลหิตสูงขึ้นในบางสภาวะ
เช่น ขณะตื่นเต้น ตกใจ กลัว วิตกกังวล เครียด ประหม่า สำหรับคนที่ตกอยู่ในห้วงรัก
หรือแอบหลงรักใครสักคนในระยะแรกๆ เมื่อเข้าใกล้คนที่แอบรักจะเกิดอาการตื่นเต้น
ประหม่า กลัวๆกล้าๆ ก็จะเกิดอาการต่างๆเหล่านี้
ซึ่งเป็นผลมาจากมีการกระตุ้นการหลั่งสารตัวนี้ออกมามากขึ้นในภาวะเครียดนั่นเอง
7. เอนดอร์ฟิน (Endorphin)
เป็นสารนำกระแสประสาทที่เกี่ยวข้องกับความสุขและมีบทบาทสำคัญมากอีกตัวหนึ่ง สร้างขึ้นที่สมองบริเวณ Hypothalamus
แล้วส่งต่อไปที่ต่อมใต้สมองที่ชื่อว่า pituitary gland เช่นเดียวกับอีกหลายๆตัว คำว่า endorphin
มาจากการผสมคำ
2 คำ คือ endogenous ซึ่งแปลว่า จากภายใน และ Morphine ซึ่งเป็นยาแก้ปวดอย่างแรง
และมีฤทธิ์เสพติดได้ง่าย รวมความหมายก็คือ
สารมอร์ฟีนที่ผลิตจากภายในร่างกายเอง ที่ตั้งชื่อเช่นนี้เพราะว่า สาร Endorphin ตัวนี้ มีฤทธิ์คล้ายๆกับยา Morphine ที่ใช้เป็นยาแก้ปวดอย่างแรงและ
ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม มีความสุขอย่างมาก ในภาวะที่ร่างกายของคนเรามีการกระทำบางอย่าง
เช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา มีเพศสัมพันธ์ สิ่งเร้าต่างๆที่ส่งผ่านมาทางประสาทสัมผัสทั้งห้า
(ตา, หู, จมูก,
ปาก/ลิ้น, ผิวกาย) หรือภาวะเจ็บปวดทางร่างกายจากสาเหตุต่างๆ จะกระตุ้นให้สมองผลิตและหลั่งสารตัวนี้ออกมามากขึ้น
ซึ่งมันจะไปกระตุ้นสมองส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับความสุขอีกต่อหนึ่ง
เราจึงรู้สึกมีความสุข ทั้งขณะและหลังการมีกิจกรรมต่างๆดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ คนที่มีความสุขจากการกระทำในสิ่งที่ชอบ
เช่น การได้อยู่กับคนรัก การเล่นและฟังดนตรี การทำงานอดิเรก การออกกำลังกาย
หรือเล่นกีฬาเป็นประจำ จึงมีความสุขจากสาร Endorphin
อยู่เสมอๆ
ครั้นพอไม่มีกิจกรรมดังกล่าวก็จะเกิดอาการหงุดหงิด
กระวนกระวาย หรืออารมณ์เสียได้ง่ายกว่าปกติเพราะขาดสารตัวนี้
คล้ายกับคนที่ติดสารเสพติด เพียงแต่มีอาการน้อยกว่ากันมาก
ในตอนหน้าจะเป็นบทสรุปเกี่ยวกับการทำงานของสารเคมีแห่งรักทุกตัว
เพื่อให้เห็นเป็นภาพต่อเนื่องและเกิดความเข้าใจว่า
เกิดอะไรขึ้นกับเราบ้างในกระบวนความรักทั้งหมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น