2. โดปามีน (Dopamine)
เป็นสารสื่อประสาทที่มีความสำคัญมากที่สุดอีกตัวหนึ่ง
พบที่สมองหลายส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์
เวลาที่สมองมีสารตัวนี้สูงขึ้นเราจะรู้สึกมีความสุขมากขึ้น มีสมาธิดี
ความจำระยะสั้นดีรู้สึกกระฉับกระเฉง มีพละกำลังมาก มีความคิดแน่วแน่ มุ่งมั่น
ไม่รู้สึกหิว ไม่ง่วงนอน และมีความต้องการทางเพศสูง
ได้มีการทดลองในคนที่กำลังมีความรักในระยะเริ่มต้น
โดยให้พวกเขามองดูภาพถ่ายของคนรักแล้วตรวจการทำงานของสมองด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า
Functional
MRI (Magnetic Resonance Image) พบว่า สมองบริเวณดังกล่าวมีการทำงานเพิ่มขึ้น
ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกับที่เกิดขึ้นในสมองของผู้เสพสารเสพติดประเภทกระตุ้นสมอง
เช่น โคเคน แอมเฟตามีน (ยาบ้า) ยาอี
ยาไอซ ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้คนที่กำลังมีความรักมีความต้องการที่จะเห็นหน้าและอยู่ใกล้ชิดกับคนรักตลอดเวลา
เพราะสิ่งเร้าต่างๆจากคนรักจะกระตุ้นให้สมองหลั่งสารโดปามีนออกมาเพิ่มขึ้น
จึงทำให้เกิดความสุขอย่างมาก เมื่อจำต้องแยกจากกันก็จะเกิดความทุกข์ใจ หงุดหงิด
กระวนกระวาย หงอยเหงา ไม่มีชีวิตชีวา เพราะสารตัวนี้มีปริมาณลดลง
เกิดความอยากที่จะเห็นหน้ากันและอยู่ด้วยกันอีกกลายเป็นวงจรเสพติดความสุขเฉกเช่นเดียวกับคนติดยา
เพียงแต่เปลี่ยนจากยาเสพติดมาเป็นคน ในรายที่มีอาการเสพติดคนรักมากๆแล้วไม่ได้รับรักตอบจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
จะเริ่มมีอาการของคนขาดรักมากขึ้นเรื่อยๆ
หากไม่สามารถหาทางออกได้อย่างเหมาะสมและทันเวลา อาการขาดรักจะเพิ่มมากขึ้นจนถึงขีดสูงสุดจนสามารถทำให้ผู้นั้นเกิดอาการหดหู่
ซึมเศร้า ท้อแท้ หมดอาลัยตายอยากในชีวิต เบื่อชีวิต เริ่มคิดสั้น
และจบลงด้วยการฆ่าตัวตายได้
ตามที่ได้เคยพูดถึงความรักระยะโรแมนติคในบทก่อนๆว่าจะยืนยาวได้เพียง
6-18
เดือนเท่านั้น เมื่อถึงเวลาดังกล่าว สิ่งเร้าเดิมๆจะเริ่มอ่อนกำลังลงจนไม่สามารถกระตุ้นสมองของเราให้หลั่งสารโดปามีนออกมาในปริมาณเท่าเดิม
หรือ อาจเป็นเพราะสมองเกิดอาการดื้อโดปามีน จึงทำให้ความรู้สึกรักจนหลง
รวมทั้งความรู้สึกตื่นเต้นแบบช่วงแรกๆลดความรุนแรงลง ความรู้สึกรวมๆในแบบคนรักจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แต่จะมีความรู้สึกใหม่เข้ามาแทนที่ นั่นก็คือ ความรู้สึกผูกพันและความรับผิดชอบ
มีความต้องการที่จะอยู่กันในแบบคู่ชีวิตไปตลอด
ในกรณีที่คู่รักทั้งสองไม่สามารถปรับตัวเข้าหากันได้ดีพอ หรือที่เรามักพูดว่า
ไม่ใช่เนื้อคู่กัน ก็อาจเป็นเวลาที่ทั้งสองฝ่ายจะพิจารณาว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันแล้วทะเลาะกันไปในลักษณะเดิมๆด้วยความหวัง
(ลมๆแล้งๆ) ที่ว่า
สักวันหนึ่งอีกฝ่ายจะเข้าใจตนเอง หรือจะแยกทางกัน
หากทั้งสองฝ่ายมีความต้องการตรงกันว่าอยากแยกทางกัน เรื่องราวคงจบลงด้วยดี
แต่หากฝ่ายหนึ่งต้องการเลิกแต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอม ก็มักจบลงด้วยความเศร้าหรือความยุ่งยากมากมาย
ในที่นี้จะขอพูดถึงกรณีที่ความรักมีการพัฒนาไปสู่ขั้นสูงขึ้น
ซึ่งต้องการสารเคมีตัวอื่นมารับช่วงปฏิบัติภารกิจต่อไป สารตัวนั้นก็คือ………..ออกซี่โตซิน (Oxytocin)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น