ความมีเสน่ห์
คุณคงเคยพบเห็นคนที่ทั้งรวย สวย หล่อ เก่ง แต่คบกับใครได้ไม่นานก็เลิกรากันไป
ครั้นพบคนถูกใจแต่งงานอยู่กินกันได้สักพักก็ต้องหย่าร้างกัน ในขณะที่อีกหลายๆคู่ หน้าตาพอไปวัดไปวาได้
หุ่นไม่ทรมานใจใคร กลับใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขจนแก่เฒ่า
คำอธิบายที่ได้ยินกันบ่อยๆได้แก่ ความเข้าใจ ความเข้ากันได้
ที่ฟังทันสมัยหน่อยคือ เคมีตรงกัน (จะพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งในบท
“ความเข้ากันได้”) มีอีกคำหนึ่งที่นึกถึงกันน้อยกว่า
แต่มีพลังดึงดูดมหาศาลจน
เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดการตัดสินใจได้เร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว คำๆนั้นก็คือ “ความมีเสน่ห์” นั่นเอง
ซึ่งผมเชื่อว่า สำหรับท่านที่เคยมีประสบการณ์รักกับคนประเภท “สวยแต่รูป จูบไม่หอม” มาก่อนแต่เปลี่ยนใจไปรักคนที่สวยน้อยกว่า
หรืออาจถึงขั้นขี้เหล่เอาเลย คงจะซึ้งกับความหมายของคำนี้เป็นอย่างดี
ที่กล่าวเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า คนสวย คนหล่อ จะไร้เสน่ห์ไปเสียทุกคน แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นเช่นนั้น
เรื่องนี้สามารถอธิบายด้วยหลักวิชาจิตวิทยาพัฒนาการแห่งบุคลิกภาพ ซึ่งจะได้กล่าวถึงอีกครั้งในบทต่อๆไป
ช่วงนี้เรามาดูความหมายของคำๆนี้อย่างเป็นทางการกันสักนิดก่อนครับ
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคำว่า เสน่ห์ หมายถึง “ลักษณะที่ชวนให้รัก” ส่วนคำที่มีความหมายตรงกันในภาษาอังกฤษคือ
Charm นั้น ใน Oxford
Dictionary ให้ความหมายไว้ว่า “the power or quality of delighting,
attracting or fascinating others”
แปลว่า ความสามารถ
หรือ คุณภาพของบุคคลที่จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกพึงพอใจ สุขใจ ถูกดึงดูดใจ หรือตรึงใจ
จากข้อความข้างต้น จะเห็นว่า
เป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะให้ความหมายของคำๆนี้ได้อย่างเหมาะสม
หากจะให้ครอบคลุมคุณสมบัติทั้งหมดจริงๆคงต้องเขียนกันยืดยาว ในที่นี้ผมขอยกตัวอย่างลักษณะต่างๆที่คิดว่าเป็นเสน่ห์
และทำให้คนโดยทั่วไปเกิดความรู้สึกชอบพอจนหลงรักได้ เช่น
- กิริยามารยาทดี รู้จักกาลเทศะ
- พูดจาไพเราะ อ่อนหวาน น้ำเสียงน่าฟัง
- มีอารมณ์ขัน ยิ้มง่าย หัวเราะเก่ง
- อารมณ์ดี มีไหวพริบ คุยสนุก มีชีวิตชีวา
- มีน้ำใจอย่างจริงใจ ชอบช่วยเหลือ ไม่เอาเปรียบ ไม่เอาแต่ใจ
- ไม่หงุดหงิดเจ้าอารมณ์ ให้อภัยคนได้ง่าย ไม่ผูกพยาบาท
ความเห็นแก่ตัว
เพราะคนส่วนมากมักยึดเอาความต้องการของตัวเป็นใหญ่ ในขณะที่เรามองคนอื่นว่าเห็นแก่ตัว เราจะมองตัวเองว่าไม่เห็นแก่ตัว
หรือถึงมีก็น้อยกว่าเขา โดยลืมไปว่า
ตัวเราเองกำลังถูกอีกคนหนึ่งมองอยู่และได้ตัดสินไปแล้วว่า
เราเป็นคนเห็นแก่ตัวกว่าพวกเขา
มนุษย์เราจึงวนเวียนอยู่กับความคิดว่า ใครเห็นแก่ตัวมากกว่าใคร
เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองที่จะเอาเปรียบคนอื่น ผลก็คือ มนุษย์เกิดความไม่ไว้ใจกัน
หวาดระแวงกัน กลัวว่าตนเองจะถูกเอาเปรียบจึงเอาเปรียบคนอื่นอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว
ความวุ่นวายต่างๆนานาจึงเกิดขึ้นทุกแห่งหนและทุกเวลา
ไม่เว้นแม้กระทั่งเวลามีความรัก
แล้วความเห็นแก่ตัวเกี่ยวอะไรกับความมีเสน่ห์?
คนมีเสน่ห์ไม่เห็นแก่ตัวกระนั้นหรือ?
ผมไม่สามารถตอบในลักษณะ yes
หรือ no สำหรับคำถามทำนองนี้ เพราะเหตุว่า
มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ไม่สามารถวัดอย่างเป็นรูปธรรมได้
ทำนองเดียวกับเรื่อง ความยุติธรรม ความดีความชั่ว ความรวยความจน ฯลฯ
เพราะอยู่ที่เราจะเปรียบเทียบกับใคร หรือ เราเป็นฝ่ายได้-เสีย
ผมเพียงแต่อยากให้เราทุกคนหันมาพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง
และยอมรับความจริงที่ว่า เราทุกคนต่างก็มีความเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น
จะมากหรือน้อยกว่ากัน ถึงแม้จะไม่มีเครื่องมือวัด แต่ให้ดูจากผลกระทบต่อคนอื่น หากเป็นเรื่องของความรัก ก็ต้องถามตัวเองว่า
สิ่งที่เราต้องการจากคนรักกับสิ่งที่เราจะมอบให้คนรักนั้น ต่างกันมากน้อยเพียงไร หากสิ่งที่เราต้องการจากเขามากกว่าที่เราจะให้เขา ย่อมมีความชัดเจนอยู่ในตัว ถ้าทั้งสองฝ่ายต่างคิดเหมือนกัน แทนที่จะเป็นหุ้นส่วนชีวิตของกันและกัน แต่กลับพยายามหากำไรจากอีกฝ่าย
สุดท้ายธุรกิจแห่งชีวิตรักก็จะประสบภาวะขาดทุนทั้งคู่
สิ่งที่ผมอยากเสนอให้ท่านช่วยกันพิจารณาก็คือ ความมีเสน่ห์จะเกิดขึ้นไม่ได้หากคนๆนั้นมีความเห็นแก่ตัว
(ในที่นี้หมายความเพียงว่า
เป็นความต้องการได้มากกว่าให้)
เพราะความเห็นแก่ตัวนี้เองที่เป็นอุปสรรคขัดขวางพัฒนาการของความรักไม่ให้เติบโตต่อไป ลักษณะต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นจะกลายเป็นของปลอมทันที
และจะถูกค้นพบในที่สุด
นอกเหนือจากความเห็นแก่ตัวแต่น้อยๆแล้ว ก็ต้องมี ความจริงใจ เพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่งด้วย
เพราะสองสิ่งนี้จะทำให้เกิด ความมีน้ำใจ ขึ้นได้ ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่มีพลังดึงดูดเอามากๆ
คุณลักษณะต่างๆข้างต้นนั้น
มาจากการประมวลความรู้สึกและความต้องการของผู้ที่ผิดหวังเรื่องความรักและมาระบายความในใจให้ผมฟัง
จึงอยากนำมาสะท้อนให้ผู้คนในสังคมได้รับทราบ ท่านคิดว่าลักษณะใดที่จะทำให้ตัวท่านมีเสน่ห์มากขึ้นก็ขอให้เลือกนำไปปฏิบัติ เพื่อช่วยให้ชีวิตรักของท่านสมหวังอย่างยั่งยืน
ในความคิดของผม คนที่มีเสน่ห์คือคนที่ มีน้ำใจอย่างจริงใจ
เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดและไม่สามารถหลอกกันได้ง่ายนัก และผมได้แต่หวังว่า คนที่คิดว่า เสน่ห์ทางเพศ
มีพลังดึงดูดเพศตรงข้ามได้มากกว่า ความมีเสน่ห์ จะเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ แล้วเลิกแสวงหาการปรับแต่งร่างกายเพื่อเพิ่มพูน เสน่ห์ทางเพศ
ด้วยการผ่าตัดเสริมตรงโน้นตัดตรงนั้น ฉีดสารพัดสารเข้าร่างกาย เสียทั้งเงิน เสี่ยงทั้งชีวิต จะได้ล้มเลิกความเข้าใจผิดๆนั้นเสีย
แล้วหันมาพัฒนาจิตใจและจิตวิญญาณแทน เพื่อเพิ่ม ความมีเสน่ห์ ให้กับตัวเอง
ซึ่งจะทำให้ท่านได้พบกับคนที่ให้ความสำคัญกับ ความมีเสน่ห์ มากกว่า เสน่ห์ทางเพศ
เพราะพวกเขาคิดได้ว่า รูปธรรมภายนอกเป็นสิ่งไม่ยั่งยืน ส่วนนามธรรม
คือของดีที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นมีความสำคัญและยั่งยืนกว่า คนกลุ่มนี้จึงเป็นคนที่มีเหตุผล มากกว่าและน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
หรือท่านคิดว่าไม่จริง?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น